Branding

‘กลุ่มเซ็นทรัล’ ลุยลงทุน 2 หมื่นล้านสยายปีก ‘3 เมืองท่องเที่ยว’ ระดับโลก

กลุ่มเซ็นทรัล ทุ่ม 2 หมื่นล้าน เดินหน้ายุทธศาสตร์ขยายการลงทุนใน 3 เมืองท่องเที่ยวระดับโลก ด้วย 3 โปรเจคยักษ์ ได้แก่ มิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา ญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้ารีนาเซนเต สาขาตูริน อิตาลี รวมมูลค่าลงทุน 20,000 หมื่นล้านบาท

เซ็นทรัล

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้สานต่อยุทธศาสตร์ขยายการลงทุนในต่างประเทศ ตามเทรนด์การท่องเที่ยวโลก ด้วยการพัฒนาโครงการแฟล็กชิพที่มีศักยภาพสูงในเมืองท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ล่าสุดได้ลงทุนโครงการครั้งยิ่งใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ โครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา ประเทศ ออสเตรีย, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา ประเทศญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต เมืองตูริน โฉมใหม่ ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจในต่างประเทศของกลุ่มเซ็นทรัล ยังได้ แรงหนุนจากค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งช่วยให้การพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยรายได้ของธุรกิจในต่างประเทศของกลุ่มเซ็นทรัล ในปี 2561 ประกอบด้วย เวียดนาม ยุโรป และมัลดีฟส์ คิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มเซ็นทรัล และจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้าจากการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่ได้ เปิดตัวไป

P 3 Vienna มุมมองภายนอก

นอกจากนี้ แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจยุโรปจะชะลอตัว แต่ธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป ได้แก่ อิตาลี เดนมาร์ก และเยอรมนี ยังคงเห็นการเติบโตที่สดใส โดยพบว่ายอดขายจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น 12-20% จากปีที่แล้ว รวมถึงยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยที่ไปช้อปปิ้งตามห้างของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกแห่ง โดยเฉพาะห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ ที่นครมิวนิค และ ห้างรีนาเชนเต ประเทศอิตาลี ที่ ยอดขายจากนักท่องเที่ยวไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 เติบโตถึง 30%และ 50% ตามลำดับ

“การเติบโตของธุรกิจสะท้อนให้เห็นถึง ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของลูกค้าไทยยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป คนไทยนิยมไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยแรงจูงใจมาจากราคาสินค้าที่ต่ำกว่าเนื่องจากไม่มีภาษีนำเข้าและเมื่อค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นทำให้สินค้าและบริการมีราคาถูกลง”นายทศกล่าว

P 1 Rinascente ด้านหน้าห้างรีนาเชนเต ตูริน

สำหรับ 3 โครงการรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการมิกซ์ยูสโหรูกลางกรุงเวียนนา ขนาด 58,000 ตร.ม. ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าและโรงแรม 150-165 ห้อง ร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำและสวนสาธารณะลอยฟ้า สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ที่จะเป็นสัญลักษณ์ของ กรุงเวียนนา โดยมุ่งเน้นให้เป็นจุดหมายใหม่แห่งการพบปะสังสรรค์ ด้วยรูปแบบที่ทันสมัยและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง ภายใต้แนวคิด “เดอะ ลิ้งค์” (The Link) โดยเป็นการร่วมลงทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มซิกน่า (SIGNA Group) ประเทศออสเตรีย คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการภายในปี 2566

โครงการที่ 2 เป็นโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา ซึ่งเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์เซ็นทาราแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ใจกลางย่านนัมบะ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองโอซากาและภูมิภาคคันไซ โดยโอซากา ถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับที่ 2 ของประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมามากที่สุด โดยวางเป้าหมายเป็นโรงแรมแฟล็กชิพระดับ 5 ดาว ขนาด 34 ชั้น 15 ห้องพัก เป็นการร่วมทุนระหว่างโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กับสองบริษัทก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น Taisei Corporation และ Kanden Realty & Development ตั้งเป้าแล้วเสร็จปี 2566  พร้อมทั้งวางเป้าหมายเป็นโรงแรมแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองโอซากา

P2 Centara Night

โครงการที่ 3 ห้างสรรพสินค้ารีนาเซนเต สาขาตูริน ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าซื้อที่ดินอาคารเมื่อปี 2560  และออกแบบพัฒนาโครงการใหม่ทั้งหมด ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เนื่องจากเห็นศักยภาพของการค้าและการท่องเที่ยวของเมืองตูริน ซึ่งเปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามของประเทศอิตาลี ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ สุดคลาสสิค โดยเริ่มเปิดให้บริการแล้ว

นายทศกล่าวปิดท้ายว่า สำหรับตลาดในประเทศไทยยังมีโอกาสสูงที่จะส่งเสริมและกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศหากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง และภาษีนำเข้าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ปัจจุบันภาษีนำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์ของประเทศไทยมีอัตราสูงที่สุดในเอเชีย ทำให้ประเทศไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน หากเงินบาทอ่อนค่าลง และลดอัตราภาษีนำเข้า จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยให้เกิดการเติบโต คนไทยก็ไม่ต้องไป ช้อปต่างประเทศ เพิ่มการจ้างงานทั้งในภาคค้าปลีก และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในประเทศ ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นตามไปด้วย

Avatar photo