Branding

ประธานใหญ่ ‘เอสิคซ์’ โชว์วิสัยทัศน์ดันไทยหนุนยอดขาย ‘อาเซียน’ เทียบชั้น ‘จีน’

ประธานบริหาร เอสิคซ์ ยาหอมไทย ตลาดยุทธศาสตร์ดันยอดขายอาเซียนเทียบเท่าจีนใน 3-5 ปี หลังพบเติบโตเร็ว เดินหน้าโฟกัสนวัตกรรมพร้อมปั้นภาพชัดชิงตลาดรองเท้าวิ่ง ขณะที่ โอนิซึกะ เน้นแฟชั่น ไลฟ์สไตล์แบรนด์ ด้านตลาดไทยวาดเป้า 3 ปี เพิ่มสาขาเท่าตัวจาก 8 สาขา เป็น 16 สาขา

thumbnail คุณยาสุฮิโตะ ฮิโรตะ ประธานบริหารและประธานฝ่ายปฎิบัติการ ASICS 2
ยาสุฮิโตะ ฮิโรตะ

นายยาสุฮิโตะ ฮิโรตะ ประธานบริหารและประธานฝ่ายปฏิบัติการ เอสิคซ์ เปิดเผยว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้เข้ามาเยือนตลาดไทยและพบว่า ภูมิทัศน์ทางการตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าที่สนใจการวิ่ง เดิน เพื่อสุขภาพเพิ่มสูงอย่างมากเมื่อเทียบกับ 5 ปี ที่ผ่านมา จึงถือเป็นโอกาสเติบโตของรองเท้าเอสิคซ์ ที่เน้นจุดยืนของรองเท้าวิ่ง และจากนี้จะสร้างภาพของการเป็นรองเท้าวิ่งให้ชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ จากการเติบโตของตลาดอาเซียนโดยเฉพาะในไทย ที่เติบโตสองหลักอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าภายใน 3-5 ปีจากนี้ ยอดขายของเอสิคซ์ในภูมิภาคอาเซียนจะสร้างสัดส่วนรายได้เทียบเท่าตลาดจีน หรือมีสัดส่วนประมาณ 10% จากรายได้รวมเอสิคส์ทั่วโลก ขณะที่ไทยจะเป็นตลาดสำคัญที่ผลักดันยอดขายของอาเซียนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว จากปัจจุบันที่ตลาดไทย สิงคโปร์และมาเลเซีย ถือเป็นตลาดสำคัญในอาเซียน

สำหรับแนวทางการทำตลาดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว จะประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลักได้แก่ 1.การให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับรองเท้าวิ่ง โดยล่าสุดได้เปิดตัว “GLIDERIDE”  รองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ล่าสุดจากซีรี่ส์ RIDE ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี GUIDESOLE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีรูปร่างโค้งตามหลักสรีระ ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการกีฬา พร้อมทั้งดึง เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ และณัฐ ศักดาทร มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำประเทศไทย

4 2 2

กลยุทธ์ที่ 2 จะเน้นการทำตลาดผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อให้แบรนด์และสินค้าเข้าถึงลูกค้าได้ในทุกช่องทางแบบไร้รอยต่อ หรือ ออมนิชาแนล โดยในปีนี้ เอสิคซ์ ได้เริ่มขายสินค้าผ่านเว็บไซต์แล้ว และในปีหน้าจะเข้าสู่ออมนิชาแนลเป็นรูปแบบ ด้วยการให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าที่เว็บไซต์แล้วสามารถรับสินค้าที่หน้าร้านใกล้บ้านหรือส่งถึงบ้านได้เลย รวมถึงการมาซื้อที่หน้าร้านแล้วส่งสินค้าไปที่บ้านได้เช่นกัน พร้อมทั้งวางเป้าหมายจะสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์เพิ่มเป็น 10% ใน 3-5 ปีจากนี้

“การขยายช่องทางออนไลน์เป็นไปตามเทรนด์ลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าเอสิคซ์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ อีกทั้งช่องทางออนไลน์ยังเป็นหน้าร้านที่สามารถโชว์สินค้าได้มากกว่าหน้าร้าน รวมทั้งไม่ต้องสต็อกสินค้าเหมือนหน้าร้าน จึงเป็นช่องทางที่บริษัทจะให้ความสำคัญมากขึ้นนับจากนี้ โดยนำรูปแบบการขายผ่านออนไลน์จากบอสตัน และสิงคโปร์มาใช้ในไทย”นายฮิโรตะกล่าว

พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญกับการขยายจุดขายเพิ่มมากขึ้น โดยจากปัจจุบันมีสาขารวม 8 สาขา ตั้งเป้า 3 ปีจากนี้จะเพิ่มจำนวนสาขาอีกเท่าตัว หรือเพิ่มเป็น 16 สาขา ใช้งบลงทุนสาขาละ 10 ล้านบาท

IMG 0009

ในส่วนของแบรนด์โอนิซึกะ ซึ่งเป็นอีกแบรนด์ในเครือเอสิคซ์ นั้น นายฮิโรตะ กล่าวว่า ได้วางตำแหน่งทางการตลาดชัดเจนในการเป็นแบรนด์รองเท้าแฟชั่น ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 16 สาขาในประเทศไทย และจากนี้จะเน้นการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ชัดเจนในเรื่องของ การเป็นรองเท้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ โดยจะเพิ่มสินค้ากลุ่มแอคเซสเซอรี่ และเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 10% เป็น 50% และอีก 50% เป็นกลุ่มรองเท้า ภายใน 5 ปีจากนี้

ปัจจุบ้น ในระดับโลก เอสิคซ์ เป็นรองเท้าที่ติดอันดับท็อปไฟว์ ในตลาดรองเท้าวิ่ง ซึ่งเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับ ประธานฯคนใหม่คือ การผลักดันให้แบรนด์ เอสิคซ์ เป็นรองเท้าวิ่งอันดับ 1 ของโลก โดยมี นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Create Quality Lifestyle through Intelligent Sport Technology” หรือการสร้างไลฟ์สไตล์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพผ่านเทคโนโลยีกีฬาอันชาญฉลาด และพันธกิจที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่ส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีและเติมเต็มการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลก

จากวิสัยทัศน์ดังกล่าว ได้ถูกถ่ายทอดผ่านกิจกรรมทางการตลาด การเปิดตัวสินค้า นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ จากทางเอสิคซ์ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะครองใจ สร้างความแตกต่าง และดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจในแบรนด์

Avatar photo