Branding

‘ทีโอเอฯ’ โดดตั้งโรงงานเมียนมา ปักธงนั่งแท่นผู้นำ ‘ตลาดสีอาเซียน’

เปิดดำเนินธุรกิจในไทยมาครบ 30 ปี สำหรับ บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด ซึ่งเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชูโกกุ มารีน เพ้นท์ จำกัด ผู้นำด้านสีทาเรือ สีอุตสาหกรรมหนัก และทาตู้คอนเทนเนอร์อันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่นมากว่า 100 ปี ซึ่งก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ทีโอเอฯ วางเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดสีอุตสาหกรรมหนักในอาเซียน

ทีโอเอ2
พิศิษฐ์ บุญจรรยา

นายพิศิษฐ์ บุญจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ของบริษัท ได้วางเป้าหมายขยายตลาดในประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งฐานผลิตในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มจากประเทศเมียนมา ที่เตรียมงบลงทุน 300 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างโรงงานผลิตสี และคลังจัดเก็บสินค้าในพื้นที่ขนาด 12 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมติลาวา (Thilawa Industrial Estate) ภายใต้ชื่อ บริษัท ชูโกกุ –ทีโอเอ เพ้นท์ (เมียนมาร์) จำกัด

สำหรับโครงการก่อสร้างเฟส A จะอยู่ใกล้นครย่างกุ้ง คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปี 2563 มีกำลังการผลิค 300 ตันต่อเดือน และวางเป้าภายใน5 ปีจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 500 ตันต่อเดือน ซึ่งหลังจากเริ่มการผลิตและจำหน่ายในประเทศเมียนมาภายในช่วง 5 ปีแรก จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากประเทศเมียนมาร์ ประกอบธุรกิจการประมงเป็นเศรษฐกิจหลักอันดับ 3 ของประเทศ รวมถึงการจำหน่ายสีทาโครงเหล็กที่มีความ ทนทานสูงให้กับโครงการใหญ่ๆ อีกหลายโครงการในประเทศเมียนมาร์

นอกจากประเทศเมียนมาแล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนร่วมกับพันธมิตร เพื่อสร้างโรงงานในอนาคตอีก 3 ประเทศคือ  กัมพูชา, บังคลาเทศ และลาว โดยที่ประเทศลาวและกัมพูชามีการส่งออกสีไปขายแล้ว แต่ยังมียอดขายไม่สูง 2 แห่งรวมกันอยู่ที่ 50 ล้านบาทต่อปี ขณะที่บังคลาเทศจะใช้ฐานการผลิตจากเมียนมาส่งออกไปขายก่อน

ทีโอเอ

ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานในต่างประเทศ บริษัทจะพิจารณาก่อนว่าหลังจากที่ส่งออกสีไปขายในต่างประเทศดังกล่าวแล้วมียอดขายเกิน 100 ล้านบาทต่อปีหรือไม่ หากเกิน100ล้านบาท จึงจะหาพันธมิตรประเทศนั้นๆ เพื่อก่อสร้างโรงงานต่อไป

ขณะที่ในประเทศไทยนั้น จะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากความต้องการของลูกค้าและพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์กรีน โปรดักส์ ที่เน้น Low VOCs ปลอดสารระเหยที่เป็นพิษ และพัฒนานวัตกรรม BIO CLEAN (สีกันเพรียง) เนื้อสีเป็นซิลิโคน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารพิษ เป็นต้น

นายพิศิษฐ์ กล่าวถึงผลประกอบการในหกเดือนแรกที่ผ่านมาว่า บริษัทมีรายได้รวมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของการจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรมหนัก มูลค่า 910 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 70% และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาเรือ สีทาตู้คอนเทนเนอร์อีกมูลค่า 390 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30 % หรือเมื่อเทียบสัดส่วนรายได้หกเดือนจากปี 2561 ที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 20%

ทีโอเอโชกูกุ

ด้านผลประกอบการในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของการจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรมหนัก 1,400 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาเรือ สีทาตู้คอนเทนเนอร์ 600 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% หรือคิดเป็นรายได้รวม 2,300 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาดสีอุตสาหกรรมหนักและสีทาเรือปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งทีโอเอ-ชูโกกุเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่ง 50%

Avatar photo