Branding

‘เอาท์ซอร์ส’ สดใส ‘สยามราชธานี’ ไม่หวั่นดิจิทัล ดิสรัปชั่น

สยามราชธานี เผยธุรกิจเอาท์ซอร์ส เติบโตต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐ เอกชนขนาดใหญ่สนใจใช้บริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนขององค์กร พร้อมมองยุคดิจิทัลสร้างโอกาส ส่งผลความต้องการเอาท์ซอร์สหลากหลายขึ้น

ไกร
ไกร วิมลเฉลา

 

นายไกร วิมลเฉลา ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) (SO) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจจัดหาบุคลากรจากภายนอก (Outsourcing) มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องทั่วโลก เป็นผลมาจากปัจจุบันการจัดหาบุคลากรจากภายนอก เป็นวิธีหนึ่งที่องค์กรธุรกิจต่างๆ ให้ความสนใจใช้บริการ ทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่

ทั้งนี้เนื่องจากการให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาดำเนินการแทนในส่วนที่ไม่ใช่หน้าที่หลักของธุรกิจ อาทิ พนักงานสำนักงาน พนักงานขับรถยนต์ และพนักงานช่างเทคนิค เป็นต้น จะช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดภายในองค์กร และแก้ไขปัญหาเรื่องความชำนาญของบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยรวม

สำหรับธุรกิจเอาท์ซอร์สในประเทศไทย ก็มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยเห็นได้จากข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Electronic Government Procurement: e-GP) จะเห็นได้ว่า จำนวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ประเภทจ้างทําของ หรือจ้างเหมาบริการ มีการเติบโตที่ดี ทั้งในส่วนของจำนวนโครงการทั้งหมดและจำนวนโครงการที่ทำสัญญาแล้ว

เอาท์ซอร์ส

เห็นได้จากปี 2561 จำนวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่ทำสัญญาแล้วมีจำนวน 1,353,859 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 709,870 โครงการ หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 110% จากปี 2559 โดยในปี 2561 จำนวนโครงการที่ทำสัญญาแล้วคิดเป็น 97% ของจำนวนโครงการทั้งหมด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นว่าธุรกิจเอาท์ซอร์ส ยังมีโอกาสและทิศทางในการเติบโตที่ดีมาก

นายไกรกล่าวว่า แม้ปัจจุบัน จะเป็นยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาดิสรัปชั่น จนเกิดการคาดการณ์ว่า แรงงานเทคโนโลยี เช่นหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนแรงงานคน ซึ่งน่าจะดิสรัปกับธุรกิจเอาท์ซอร์สที่ใช้แรงงานคนเป็นหลักเช่นกัน แต่เขามองว่า ประเทศไทยยังต้องใช้เวลาอีกนานในการนำหุ่นยนต์มาใช้แทนคน โดยเฉพาะงานบริการที่ต้องใช้ความใส่ใจ ตัวอย่างเช่น พนักงานขับรถ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ขับรถ แต่ยังรวมไปถึงการช่วยดูแลสวน ล้างรถ ไปรับลูกให้ ไปจนถึงการเลี้ยงสุนัข ซึ่งแน่นอนว่า ระบบอัตโนมัติทำแทนไม่ได้

“ตลาดเอาท์ซอร์สนับจากนี้ จะมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ใครจะสามารถเข้ามารองรับความต้องการใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างดีที่สุดเช่นเอาท์ซอร์สใหม่ๆ อย่าง พนักงานเก็บค่าไฟฟ้า วางบิล เก็บบิล ซึ่งเราเชื่อว่าเราทำได้ เพราะเราชอบความหลากหลาย และมีความแข็งแรงด้านงานบริการ”นายไกรกล่าว

ปัจจุบัน บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจรที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และบริษัทชั้นนำของประเทศใช้บริการมากว่า40 ปี แบ่งโครงสร้างธุรกิจเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร แบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจบริการบริหารจัดการ อาทิ จัดหาพนักงานขับรถยนต์และพนักงานสำนักงาน, ช่างเทคนิค และงานบันทึกข้อมูล และ ธุรกิจบริการดูแลภูมิทัศน์ 2. ธุรกิจให้เช่าและบริการ คือ บริการรถยนต์ให้เช่า และธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์

ตัดต้นไม้

ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่บริษัทดำเนินธุรกิจมาสามารถสร้างกำไรได้ทุกปีและมีผลดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2559 บริษัทมีรายได้ รวม 1,670.27 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้รวม 1,732.32 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้รวม1,850.88 ล้านบาท

ตัวอย่างลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัท มีทั้งเอกชนรายใหญ่ เช่น บมจ.ปตท., บมจ.การบินไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ออมสิน, บมจ. ท่าอากาศไทย, บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.ไทยออยล์, บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, รพ.บำรุงราษฏร์ ,รพ.กรุงเทพ หรือบริษัทข้ามชาติอย่าง เชฟรอน, บริดสโตน, ชาแนล ไปจนถึงค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยต้า, ฮอนด้า, มิตซูบิชิ และนิสสัน เป็นต้น

ขณะที่หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานประกันสังคม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน การประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น

Avatar photo