Branding

เปิดก้าวเดิน ‘โรบินสัน’ สู้ดิสรัป ยืนหนึ่ง ‘ช้อปปิ้งเดสติเนชั่น’

ถือเป็นอีกก้าวรุกสำคัญของ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เมื่อ “วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออกมาประกาศแผนธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อเป็นอันดับหนึ่งช้อปปิ้งเดสติเนชั่น ด้วยความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกไทยที่โรบินสันมั่นใจจากจำนวนสาขารวม 49 สาขา ทำให้เป็นผู้ค้าปลีกที่มีพื้นที่ให้บริการมากที่สุด และที่น่าสนใจคือ แผนการสู้ดิสรัปชั่นที่ค้าปลีกออฟไลน์กำลังเผชิญจากภาวะที่ธุรกิจออนไลน์กำลังเข้ามาครองเมือง

K.Wuttikiat 04
วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์

นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรบินสันถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกไทยที่มีพื้นที่ให้บริการมากที่สุด โดยมีจำนวนสาขารวม 49 สาขา แบ่งเป็นรูปแบบห้างสรรพสินค้า 49 สาขา และในจำนวนดังกล่าวเป็นรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 22 สาขา ซึ่งศูนย์ฯ มีพื้นที่การให้บริการรวมถึงกว่า 1,000,000 ตารางเมตร รวมทั้งมีจำนวนคู่ค้ามากถึงกว่า 1,700 ราย และมีจำนวนนักช้อปเข้ามาใช้บริการถึงกว่า 92 ล้านคนต่อปี

สำหรับปีนี้ โรบินสันจะใช้งบลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1,500 ล้านบาท สำหรับขยายสาขาใหม่ “ศูนย์การค้า โรบินสันไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง” ซึ่งเป็นสาขาลำดับที่ 50 และเป็นสาขาลำดับที่ 23 ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ที่สำคัญคือ เป็นโมเดลใหม่ในรูปแบบศูนย์การค้าฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในคอนเซ็ปต์ ‘โอเอซิส’ (Oasis)

ส่วนงบที่เหลือกว่า 500 ล้านบาท จะใช้สำหรับรีโนเวท 7 สาขาที่มีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ และยอดขายที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สมุทรปราการ, สุพรรณบุรี, ตรัง และ กาญจนบุรี และห้างสรรพสินค้า อีก 3 แห่ง คือ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซีคอนสแควร์ เชียงราย และจังซีลอน ทั้งด้านฟังก์ชั่นนอล ที่คัดสรรในส่วนของแบรนด์ ร้านค้า และผู้เช่ารายใหม่ และด้านอีโมชั่นนอล กับการออกแบบ และการเพิ่มพื้นที่พักผ่อน ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งแก่นักช้อป ซึ่งจะเป็นคีย์หลักในการเสริมความแกร่งอย่างมีเอกลักษณ์ให้แก่ธุรกิจโรบินสัน

RBS LSC LK 02

ในส่วนของ โรบินสันไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง บนพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร ถือเป็นอีกทำเลที่มีศักภาพสูง เนื่องจากมีคู่แข่งค้าปลีกยังไม่มาก อีกทั้งการเติบโตของตัวเลขผู้พักอาศัย ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ธุรกิจการบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหมู่บ้านขนาดใหญ่ระดับลักชัวรี่ โดยกลุ่มผู้พักอาศัยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ประจำ และมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง จึงส่งผลให้เป็นพื้นที่ที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดี

ปัจจุบันการก่อสร้างของศูนย์ฯ แล้วเสร็จไปแล้วกว่า 75 % และมีจำนวนคู่ค้าทีให้การตอบรับถึงราว 90% จากที่ตั้งเป้าไว้กว่า 200 คู่ค้า ซึ่งพร้อมจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้ เน้นการตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชั่น อาทิ โซน Kid Oasis ที่รวมทุกความบันเทิงของเด็กๆ โซน New Gen Oasis โซนชิคๆ สำหรับคนรุ่นใหม่รวมทั้ง Co-Working Space เพื่อเป็นเดสติเนชั่นของการอัพเดทเทรนด์และแฮงเอ้าท์แห่งใหม่ ไปจนถึงโซน Family Oasis ที่จะเติมเต็มความสุขของกลุ่มครอบครัว ทั้งร้านอาหาร และ โรงภาพยนตร์ชั้นนำ และอำนวยความสะดวกสบายกับอาคารจอดรถกว่า 1,600 คัน

อีกก้าวสำคัญของโรบินสันนับจากนี้คือ การพัฒนาธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็น “ออมนิ ชาแนล ดีพาร์ทเมนต์สโตร์” เพื่อรับมือกับสถานการณ์ ดิจิทัล ดิสรัปชั่น ที่ส่งผลให้พฤติกรรมการช้อปปิ้งของนักช้อปเปลี่ยนแปลงไป และมีความต้องการที่สูงขึ้น โดยพบว่าลูกค้าจะเน้นการช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย เข้าถึงได้ง่าย มีความพร้อมของข้อมูลสินค้า และไม่ซับซ้อนในเรื่องของขั้นตอนการช้อปปิ้ง

RBS LSC LK 06

ดังนั้น โรบินสันจึงพัฒนาแพลตฟอร์มการช้อปปิ้งออนไลน์อย่าง Robinson Shop Online ช้อปสินค้าแบรนด์ชั้นนำได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมงที่ www.robinson.co.th หรือบริการสั่งสินค้าผ่าน Robinson Online และบริการ Robinson Chat & Shop ช้อปกับพนักงานที่รอให้บริการช่วยหาสินค้า สามารถรอรับสินค้าที่บ้านได้เลย หรือเลือกรับสินค้าได้ที่โรบินสัน กับบริการ Click & Collect

“ปัจจุบันบริการดังกล่าวทั้งหมดสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ ราว 70% และต่างจังหวัด 30% และสามารถเจาะกลุ่มนักช้อปที่เป็น Young & Hips ในช่วงอายุระหว่าง 25 – 34 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มนัก ช้อปกำลังซื้อสูงได้มากขึ้น โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้หญิง 65% และผู้ชายราว 35%”นายวุฒิเกียรติกล่าว

นอกจากนี้ จะเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ต่อเนื่อง โดยมีแผนพัฒนาระบบการจัดการบนเว็บไซด์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาเนื้อหาให้มีความน่าสนใจ อีกทั้งมีการนำโซเชียล เน็ตเวิร์ค มาช่วยสนับสนุนเพื่อให้เกิดเป็นโรบินสันช้อปปิ้งออนไลน์คอมมิวนิตี้ที่ใหญ่ขึ้น โดยใช้ฐานข้อมูลสมาชิกที่เรามีอยู่ อาทิ เฟซบุค แฟนเพจ ที่มีจำนวนกว่า 1 ล้านคน, ไลน์ ออฟฟิศเชียล แอคเคาท์ กว่า 17 ล้านคน

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าที่ครอบคลุมความต้องการของนักช้อป พร้อมแผนการตลาดที่ดึงดูดอย่างต่อเนื่อง และมีแผนที่จะเปิดตัวรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ เช่น Omni Mall, Market Place, E-Ordering, Cross Border ที่จะเริ่มขยายเข้าสู่ตลาดเพื่อนบ้านอีกด้วย

RBS LSC LK 07

ทั้งหมดนี้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ เข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้ธุรกิจทั้ง 2 รูปแบบโตไปพร้อมกัน เพื่อก้าวสู่การเป็น ออมนิ ชาแนล ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต

นายวุฒิเกียรติ กล่าวต่อว่า เพื่อให้ 2 กลยุทธ์หลักข้างต้นของโรบินสัน เกิดประสิทธิผลสูงสุดแก่ธุรกิจ โรบินสันจึงมี 2 โมเดลสำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนกลยุทธ์ หลังบ้าน มาช่วยเสริมทัพให้แก่ธุรกิจ ทั้งในส่วนของ การบริหารแบรนด์สินค้า ที่จะสร้างประสบการณ์ในการช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ที่พร้อมตอบทุกโจทย์ความต้องการของนักช้อปได้อย่างครบวงจรกับ 4 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ กลุ่มสินค้า Home Appliances, กลุ่มสินค้า Kids and Family, กลุ่มสินค้าแฟชั่น และ กลุ่มสินค้าคอสเมติกส์

ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการบริหารฐานข้อมูลลูกค้า ที่นับเป็นบิ๊กดาต้าที่แข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีก โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลมีฐานสมาชิกเดอะวันอยู่กว่า 16 ล้านคน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นฐานสมาชิกเดอะวันของโรบินสันถึงราว 7 ล้านคน ซึ่งฐานข้อมูลดังกล่าวช่วยทำให้โรบินสันเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยต่อยอดและขยายโอกาสทางธุรกิจ ทั้งในด้านการแบ่งส่วนตลาด การกำหนดตลาดเป้าหมาย การกำหนดตำแหน่งสินค้าและการบริการ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจในอนาคต

Avatar photo