Auto

จับตา ‘ภาษีรถอีวีคันแรก’ คาดมีผลปี 65 จ่อตั้ง ‘กองทุนหนุนราคา’ ให้ซื้อไม่แพง

“กระทรวงการคลัง” จ่อออกมาตรการ “ภาษีรถอีวีคันแรก” คาด มีผลอย่างเร็วสุด 1 มกราคมปีนี้ เตรียมจัดตั้งกองทุนสนับสนุนราคา ไม่ให้ราคาแพงกว่ารถใช้น้ำมัน 

รายงานข่าวจาก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ได้พิจารณาเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการนำเสนอ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน โดยจะพิจารณาในช่วงเดือนธันวาคมนี้ และคาดว่ามาตรการภาษีรถอีวี จะมีผลในปี 2565 หรือ อย่างเร็วที่สุด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า

ภาษีรถอีวีคันแรก

ภาษีรถอีวีคันแรก คล้ายกับมาตรการภาษีรถคันแรก

ภาษีรถอีวี จะต้องมีลักษณะที่สนับสนุนให้คนมีรถได้ คล้ายกับมาตรการภาษีรถคันแรก แต่รายละเอียดจะต้องรอให้ นายสุพัฒนพงษ์ เป็นผู้ชี้แจงทั้งหมด

นอกจากนี้ จะมีการตั้งกองทุน เข้ามาสนับสนุนในเรื่องของราคา รวมทั้งพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายในการถือครองรถ (Total Cost Of Owner) จะต้องไม่สูงกว่ารถสันดาป (รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน) ในปัจจุบัน เช่น รถอีวีอยู่ที่ 900,000 บาทต่อคัน ก็ต้องต้องใกล้เคียงกับรถสันดาปปัจจุบันที่ 600,000 บาทต่อคัน เพื่อให้สามารถซื้อรถอีวีได้ในราคาถูกลง

รายงานข่าว ระบุด้วยว่า ปัจจุบัน ภาษีนำเข้ารถอีวี ยังมีความแตกต่างกัน บางประเทศได้อัตรา 0% ตามข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) นำเข้าจากญี่ปุ่น 80% กรณีเป็น ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย–ญี่ปุ่น (เจเทปป้า) เสียในอัตรา 20% จากเกาหลีใต้ 40% และจากยุโรป 80%

มาตรการภาษีรถอีวี จะเป็นอัตราเดียวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ

ขณะที่นโยบายการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถอีวี เชื่อว่า ผู้ประกอบการยังมีความต้องการเข้ามาลงทุน แต่ความพร้อมแต่ละรายไม่เท่ากัน ต้องพิจารณาให้รอบด้าน

ส่วนการสนับสนุนให้ไทยเป็นเจ้าแห่งการผลิตรถกระบะไฟฟ้านั้น แม้ปัจจุบัน ไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถกระบะอยู่แล้ว แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า ก็ยอมรับว่าทำได้ยาก เพราะปัจจุบัน รถกระบะขนาดบรรทุก 1 ตัน เมื่อเป็นรถไฟฟ้า มีขนาดแบตเตอรี่ 200-300 กิโลกรัม หากต้องการจะสนับสนุน ก็ต้องไปพิจารณารายละเอียด ความเป็นไปได้อีกครั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo