นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการเปลี่ยนรถกอล์ฟใหม่ เพื่อใช้งานในสนามกอล์ฟทั่วประเทศไทย มีอยู่ ราว 4,000 คันต่อปี คิดเป็นมูลค่าตลาด 760 ล้านบาทต่อปี ในตลาดมีแบรนด์หลักๆ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ไม่กี่แบรนด์ ประกอบกับธุรกิจรถกอล์ฟ สามารถอำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ยามาฮ่าจึงเน้นทำตลาดรถกอล์ฟ ยามาฮ่า วายดีอาร์ ครูซ อย่างจริงจัง จะเดินหน้ารุกตลาดทั้งในประเทศและส่งออก
รถกอล์ฟ ยามาฮ่า วายดีอาร์ ครูซ จากโรงงานไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ถูกส่งออกไปกว่า 10 ประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงค์โปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, เมียนมาร์, อินเดีย, ปากีสถาน และมัลดีฟส์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยามาฮ่า ยังเตรียมขยายตลาดไปอีก 2 ประเทศในอาเซียนเช่น ลาวและกัมพูชา
เป้าหมายของยามาฮ่าในการดำเนินธุรกิจรถกอล์ฟ ต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้สูงขึ้น จากเดิมที่อยู่ราว 8-10% ภายใต้สโลแกน “Drive to be No.1” โดยวางแผนจะขับเคลื่อนธุรกิจด้วยรถกอล์ฟที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมและตอบสนองการใช้งานของลูกค้าได้ในทุกเซ็กเม้นต์ ภายใน 3 ปี ต่อจากนี้ คาดการณ์ว่าส่วนแบ่งการตลาดรถกอล์ฟยามาฮ่า จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นไปอีก 15 – 20% และในปี พ.ศ. 2565 ยามาฮ่าหวังว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นที่ 1 ในตลาดได้
ปัจจุบันรถกอล์ฟไม่ได้ถูกใช้งานแค่ในสนามกอล์ฟเท่านั้น แต่กลับมีความต้องการนำมาใช้ในธุรกิจประเภทอื่นๆ อาทิ ธุรกิจการท่องเที่ยว, โรงแรม, รีสอร์ทและธุรกิจด้านบริการต่างๆ นอกจากนี้ยังขยายมาถึงภาคธุรกิจอุตสาหกรรม, นิคมโรงงาน อสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ธุรกิจรถกอล์ฟ จะสามารถขยายฐานตลาดให้กว้างขวางมากขึ้น
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดตัวธุรกิจรถกอล์ฟ ด้วยการผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ปลายปี 2558 โดยวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับ พรีเมี่ยม จนถึงปัจจุบัน รถกอล์ฟ ยามาฮ่า วายดีอาร์ ครูซ (Yamaha YDR Cruise) ถูกผลิตในเมืองไทยเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออก แล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 คัน
โดยรถกอล์ฟ ยามาฮ่า วายดีอาร์ ครูซ มีต้นแบบมาจากรถกอล์ฟ ยามาฮ่า ไดรฟ์ (Yamaha Drive) ในประเทศสหรัฐ ซึ่งบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้รับสิทธิบัตรส่งเสริมการลงทุน BOI จากทางรัฐบาล จนเป็นที่ยอมรับและอยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด จากประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่าทั่วโลก
