บอร์ดบีโอไอ อนุมัติ 9 มาตรการเชิงรุก ‘กระตุ้นการลงทุน’ สร้างเศรษฐกิจใหม่ ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เริ่ม ม.ค. 66
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่
9 มาตรการเชิงรุก ส่งเสริมการลงทุน
ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) จำนวนทั้งสิ้น 9 มาตรการ ดังนี้
- มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
- มาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
- มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม (Retention and Expansion Program)
- มาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร (Relocation Program)
- มาตรการกระตุ้นการลงทุนในระยะฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Smart และ Sustainability
- มาตรการส่งเสริมการลงทุน SMEs
- มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย
- มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม
ทั้ง 9 มาตรการ มีทั้งการปรับปรุงมาตรการเดิมให้ตรงเป้ามากขึ้น ลดความซับซ้อน และเพิ่มมาตรการใหม่ ๆ เช่น มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม (Retention and Expansion Program) และ มาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร (Relocation Program)
ถือเป็นมาตรการเชิงรุก เพื่อตอกย้ำการเป็นฐานการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ด้วยจุดแข็งของไทยที่สามารถเข้าไปตอบโจทย์ความท้าทายของโลกที่เกิดขึ้น ทั้งความมั่นคงด้านอาหาร การเป็นแหล่งพลังงานสะอาด และการมีฐานอุตสาหกรรมสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการลงทุนในอนาคต
รวมถึงออกมาตรการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค เพิ่มเติม เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้เกิดขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทั้งนี้ มาตรการและสิทธิประโยชน์ที่ปรับใหม่ในครั้งนี้ จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2566
ปรับ-เพิ่มหมวดกิจการส่งเสริมการลงทุน
นอกจากนี้ บีโอไอได้ปรับเปลี่ยนหมวดกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนจาก 7 เป็น 10 หมวดกิจการ เพื่อให้สะท้อนทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ชัดเจนขึ้น เช่น กลุ่ม BCG กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ดิจิทัล อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และบริการที่มีมูลค่าสูง เป็นต้น
พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์กลุ่ม A1+ สำหรับอุตสาหกรรมต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เช่น ต้นน้ำของอิเล็กทรอนิกส์และกิจการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย ได้แก่ ไบโอเทค นาโนเทค และเทคโนโลยีวัสดุขั้นสูง ที่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัย จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10 – 13 ปี
รวมทั้งได้เพิ่มประเภทกิจการที่เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนใหม่ เช่น กิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicles: FCEV) กิจการผลิตอุปกรณ์สำหรับเซลล์เชื้อเพลิง กิจการสถานีบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping Station) กิจการผลิตไฮโดรเจนจากน้ำโดยใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน กิจการผลิตอาหารแห่งอนาคต กิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอวกาศ เป็นต้น
ตั้งคณะอนุกรรมการ แก้ไข-ลดอุปสรรคในการลงทุน
บอร์ดบีโอไอยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกในการลงทุน โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคต่าง ๆ สำหรับการลงทุน โดยเฉพาะกรณีนักลงทุนรายสำคัญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคเชิงนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ด้านที่ตั้งสถานประกอบการ หรือด้านแรงงานและบุคลากรทักษะสูง เพื่อเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจใหม่ นำไปสู่การเติบโตที่ทั่วถึงและยั่งยืนในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิด 12 อุตสาหกรรม ที่ได้รับการยกเว้นภาษี ‘Capital Gains Tax’ 10 ปี หวังดึงนักลงทุนต่างชาติ
- ททท. รุกตลาด ‘นักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง’ จากสหรัฐ หวังดันรายได้ไฮซีซั่น และปี 66 พุ่ง 1.5 ล้านล้าน
- วธ. จับมือเอกชน จัด ‘เทศกาลลอย กระทง’ 10 ท่าน้ำเจ้าพระยา ฟื้นฟูท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ