Business

ส.อ.ท. ชงรัฐ เยียวยาน้ำท่วมโรงงาน ลดหย่อนภาษี-พักหนี้-มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู

ส.อ.ท. ชงรัฐ ลดหย่อนภาษีฯ พักชำระหนี้ 6 เดือน ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วมโรงงาน แนะรัฐบริหารจัดการน้ำป้องกันท่วม-แล้ง

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 22 ในเดือนตุลาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

เยียวยาน้ำท่วม

จากผลสำรวจพบว่า ผลกระทบของปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำและผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2565 ในระดับปานกลาง

นอกจากนี้ยังมองว่า การที่ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการน้ำเชิงพื้นที่ไม่เพียงพอ เช่น อ่างเก็บน้ำ ฟลัดเวย์ ประตูระบายน้ำ เป็นต้น ประกอบกับการบริหารจัดการน้ำและการระบายน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยและน้ำท่วมซ้ำซากในหลายพื้นที่ จนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และทำให้ภาคธุรกิจได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอขอให้ภาครัฐ มีการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยขอให้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ เช่น ฟลัดเวย์ โครงการแก้มลิง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ควรมีการบูรณาการปรับปรุงผังเมือง ผังน้ำทั่วประเทศ และแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยในอนาคตและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

ในส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2565 ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ อยากให้ภาครัฐออกมาตรการให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถนำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักร ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 100%

มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์

พร้อมกันนี้ ยังเห็นว่าควรออกมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการจากอุทกภัย โดยอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1% และมีการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

ในปี 2566 ผู้บริหาร ส.อ.ท. มีความกังวลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาอุทกภัยมากกว่าปัญหาน้ำแล้ง ซึ่งทั้ง 2 ปัญหา เป็นการบ้านที่สำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ทั้งอุทกภัยและน้ำแล้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เปิดผลสำรวผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) 176 คน

1. ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำ และอุทกภัยในปี 2565 (Single choice)

อันดับที่ 1: ปานกลาง 53.4%

อันดับที่ 2: มาก 28.4%

อันดับที่ 3: น้อย 18.2%

สภาอุด

2. ปัญหาอุทกภัยและน้ำท่วมซ้ำซากในประเทศไทยเกิดจากสาเหตุใด (Multiple choices)

อันดับที่ 1: โครงสร้างพื้นฐานในการจัดการน้ำเชิงพื้นที่ไม่เพียงพอ 73.9% เช่น อ่างเก็บน้ำ ฟลัดเวย์ ประตูระบายน้ำ เป็นต้น

อันดับที่ 2: การบริหารจัดการน้ำ และการระบายน้ำยังไม่มีประสิทธิภาพ 72.7%

อันดับที่ 3: ขาดการขุดลอกคูคลอง ขยะอุดตันท่อระบายน้ำ และสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำ 59.7%

อันดับที่ 4: การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน 53.4% ทำให้เกิดภัยธรรมชาติมีความถี่และมีความรุนแรงมากขึ้น

3. ภาครัฐควรบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพในระยะยาวอย่างไร (Multiple choices)

อันดับที่ 1: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ 81.3% เช่น ฟลัดเวย์ โครงการแก้มลิง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน เป็นต้น

อันดับที่ 2: บูรณาการปรับปรุงผังเมือง ผังน้ำทั่วประเทศ 76.1% และแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำอย่างเป็นระบบ

อันดับที่ 3: ฟื้นฟูป่าต้นน้ำและส่งเสริมการปลูกป่า เพื่อเป็นแหล่งในการดูดซับและชะลอน้ำ 51.7% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าใช้เอง

อันดับที่ 4: จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำและขับเคลื่อนแผนงาน/แผนปฏิบัติการในระดับลุ่มน้ำ 42.6% ผ่านกลไกของคณะกรรมการลุ่มน้ำ

4. มาตรการที่มีความจำเป็นในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย (Multiple choices)

อันดับที่ 1: สามารถนำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักร 67.6% ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 100%

อันดับที่ 2: มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1% และการพักชำระหนี้ 65.9% ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน

อันดับที่ 3: รัฐตั้งกองทุนรับประกันความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เพื่อให้ครอบคลุมกับ 48.3% ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจ

อันดับที่ 4: สำนักงานประกันสังคมช่วยชดเชยค่าจ้างแรงงาน 50% ให้แก่ธุรกิจ 43.8% ที่ได้รับผลกระทบ

5. ความกังวลต่อสถานการณ์อุทกภัยและภาวะน้ำแล้งในปี 2566 (Single choice)

อันดับที่ 1: มีความกังวลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาอุทกภัย 47.7%

อันดับที่ 2: มีความกังวลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาน้ำแล้ง 39.2%

อันดับที่ 3: ไม่กังวล 13.1%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo