Business

กรมขนส่งฯ ย้ำ ใช้ ‘ป้ายแดงปลอม’ เจอคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรมขนส่งฯ ย้ำ ใช้ ‘ป้ายแดงปลอม’ เจอคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมแนะวิธีตรวจสอบ ‘ป้ายจริง’

จากกรณีมีผู้ซื้อรถยนต์ปิกอัพจากศูนย์โชว์รูมย่านตลิ่งชัน เป็นรถรถป้ายแดงแต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมบริเวณทางด่วนบางนาบูรพาวิถี พร้อมกับส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ดำเนินคดีอาญา

นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ป้ายแดงที่ออกจากกรมการขนส่งทางบกต้องมีตัวย่อ ขส ซึ่งเป็นตัวนูนที่มุมด้านล่างขวา มีลายน้ำตราเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก ปรากฏในแผ่นป้ายทะเบียนรถ

oxeoxm8dkZVeGe6rv5H o

แนะวิธีตรวจสอบป้ายแดงถูกกฎหมาย

ซึ่งกรมการขนส่งทางบกออกให้แก่บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถ สำหรับใช้ติดรถ เพื่อนำรถไปส่งให้ลูกค้า หรือนำรถไปซ่อมแซมเท่านั้น

เมื่อบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถให้ป้ายมา ผู้ซื้อรถต้องสังเกตตัวอักษร ขส ด้านล่างขวา และต้องมีลายน้ำ ซึ่งจะต้องใช้คู่กับสมุดคู่มือประจำรถและใบอนุญาตให้ใช้รถ

โดยในสมุดคู่มือจะมีรายการที่ผู้ใช้รถป้ายแดงต้องจดบันทึกข้อมูล ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ชื่อชนิดรถ เลขหมายตัวถัง เลขหมายเครื่องยนต์ ความประสงค์ในการขับรถยนต์ วันเดือนปี และระยะเวลาที่นำรถออกไปใช้

กรมขนส่งฯ

กรมขนส่งฯ ย้ำ ใช้ป้ายปลอม มีความผิด ทั้งจำทั้งปรับ

ป้ายแดงถือเป็นเอกสารของทางราชการ กรมการขนส่งทางบกเตือนผู้ที่ปลอมป้ายทะเบียน หรือผู้ที่นำป้ายแดงปลอมไปติดรถ ถือว่ามีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ หรือใช้เอกสารราชการปลอม มีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายเสกสม กล่าวว่า โดยทั่วไปบริษัทที่จำหน่ายรถจะมาขอป้ายทะเบียนต้องแจ้งข้อมูลสถิติ จำนวนการขายรถ การจองรถ เพื่อนำไปใช้หมุนเวียน ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกจะคำนวณไปให้เพียงพอกับการจำหน่ายรถ และให้ทางเจ้าของรถและทางบริษัทจำหน่ายรถมาจดทะเบียนภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าป้ายทะเบียนที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบกมีเพียงพอ ซึ่งการจะมาขอไปเพิ่มต้องคำนวณสถิติการขาย การจำหน่ายรถ ยอดการจองรถ ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกไม่อยากให้บริษัทผู้จำหน่ายรถนำป้ายไปเก็บเอาไว้เยอะ และเร่งรัดให้มาจดทะเบียน

กรมขนส่งฯ

รถจดทะเบียนใหม่ทั่วประเทศ

สำหรับปริมาณรถยนต์จดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ทั่วประเทศ ปี 2022

  • ขนาดไม่เกิน 2,000 CC มีจำนวน 319,011 คัน
  • ขนาดเกิน 2,000 CC จำนวน 97,406 คัน
  • BEV จำนวน 5,011 คัน
  • Not Specific (ไม่เฉพาะเจาะจง) จำนวน 15 คัน รวม 421,441 คัน
  • เฉพาะใน กทม. 263,197 คัน

กรมขนส่งฯ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo