Business

‘ดีแทค’ จับมือพันธมิตร ใช้ประโยชน์ ‘Mobility data’ พัฒนา 55 จังหวัดหนุนท่องเที่ยวเมืองรอง

ดีแทค ร่วมมือ สดช.-สถาปัตย์ จุฬาฯ -บุญมีแล็บ นำ Mobility data วิจัยแนวทางส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง หนุนยุทธศาสตร์เที่ยวไทยเติบโตยั่งยืน

นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของข้อมูลที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลและเปลี่ยนผ่านโครงสร้างประเทศสู่ Digital Nation

shutterstock 2055517271

ทั้งนี้ การนำข้อมูลที่เรียลไทม์าใช้ จะช่วยให้ภาครัฐสามารถบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การบริหารจัดการน้ำ การรับมือกับภัยพิบัติ เป็นต้น เพื่อประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด

ภุชพงค์ โนดไธสง
ภุชพงค์ โนดไธสง

นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า โครงการวิจัยศักยภาพการท่องเที่ยวเมืองรอง จาก Mobility data นี้ เป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และเอกชนในการนำร่องใช้ Mobility data เพื่อประโยชน์สาธารณะ

สำหรับโจทย์ของการวิจัยในครั้งนี้ มุ่งเน้นที่ การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว หลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19 เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี โดยที่ผ่านมา

dtac 2 CEO
ชารัด เมห์โรทรา

นอกจากนี้ เพื่อให้กระบวนการออกแบบนโยบายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลเชิงพฤติกรรม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ Mobility data ที่มีข้อได้เปรียบและศักยภาพมหาศาล โดยเฉพาะความสามารถในการประเมินสถานการณ์การเดินทางและการกระจุกตัวของผู้คนได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และสามารถวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงในเชิงพื้นที่ได้หลากหลายระดับ

ขณะที่ภาคส่วนต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวควรใช้วิกฤตนี้ ในการรีเซ็ต เพื่อทำความเข้าใจ และสร้างสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศและระหว่างประเทศ สนับสนุนการเติบโตซึ่งกันและกัน นำมาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย
ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แม้ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว กระจุกตัวอยู่เพียงในบางจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก

การระบาดของโรคโควิด-19 ยังสร้างผลกระทบต่อภาคการค้าการบริการและการท่องเที่ยวในประเทศเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศกำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้น จากการลดลงของโรคระบาด

 

ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะสร้างสมดุล ระหว่างการกระจายนักท่องเที่ยวและผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจไปสู่จังหวัดที่เป็นเมืองรองด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนสามารถกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นและชุมชนได้มากยิ่งขึ้น

เมืองรอง

จากการวิจัยโดยใช้ ข้อมูลการเคลื่อนที่ หรือ Mobility data ระหว่างเดือนมิถุนายน 2563 ถึงตุลาคม 2564 พบว่า ผู้เดินทางส่วนใหญ่มีถิ่นพำนักในกรุงเทพฯ ถึง 54% และเป็นการเดินทางแบบพักค้างถึง 67% การเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับ 33%

เผย 3 แนวทางส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง

1. การส่งเสริม Micro tourism

เป็ยการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับ ระยะการเดินทางประมาณ 150 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินทาง 1-2 ชั่วโมง เพื่อมาร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้รวมถึงบริโภคสินค้าและบริการของท้องถิ่น ซึ่งมีแนวโน้มเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในกลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มวัยเกษียณอายุ

การพัฒนาการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ ทำได้โดยการผลักดันให้เกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อยร่วมกันพัฒนากิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตผลผลิตและสินค้าของท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่

ไมโครทัวริส

พร้อมกันนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการบริโภคสินค้าและบริการที่เกิดจากทรัพยากรในพื้นที่ และสร้างรายได้เสริมจากท่องเที่ยวให้กับเกษตรกรและผู้ผลิต

การดำเนินการมุ่งเน้นการใช้สถานที่และอุปกรณ์ที่เกษตรกร และผู้ประกอบการมีอยู่เดิมมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อลดต้นทุน ตัวอย่างเช่น เวิร์คชอปเรียนรู้การทำหัตถกรรมพื้นบ้าน การเที่ยวชมชุมชนเกษตรกรรมร่วมกับไกด์ท้องถิ่น การทดลองทำอาหารพื้นถิ่น การร่วมเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น

สำหรับจังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบ Micro tourism อย่างโดดเด่นมี 16 จังหวัด ได้แก่

จังหวัดนครศรีธรรมราช เชียงราย นครพนม ลำพูน นครนายก ระนอง เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน พัทลุง ราชบุรี นครสวรรค์ บุรีรัมย์ มหาสารคราม สุพรรณบุรี และชุมพรตามลำดับ

2. การพัฒนาการท่องเที่ยวแบบค้างคืนเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ (Experience-based overnight tourism)

การท่องเที่ยวแบบค้างคืน เป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายและเวลาพำนักของนักท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวและเพิ่มโอกาสในการบริโภคสินค้าและบริการในท้องถิ่น เพื่อกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการและชุมชน

เที่ยวค้างคืน

นอกจากนี้ ยังเป็นกลไกในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักท่องเที่ยวกับชุมชนในช่วงระยะเวลาพักค้าง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นสามารถนำเสนอคุณค่าในด้านต่าง ๆ และออกแบบการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว ในกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน

จากการวัดศักยภาพการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบค้างคืนเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่โดย mobility data พบว่ามี 21 จังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพสูงในการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบค้างคืนเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ได้แก่

จังหวัดนครศรีธรรมราช เพชรบูรณ์ เชียงราย อุบลราชธานี พิษณุโลก ชุมพร จันทบุรี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ เลย ตราด น่าน นครสวรรค์ อุดรธานี ลำปาง ร้อยเอ็ด สุรินทร์ มหาสารคราม สตูล ตรัง และชัยภูมิ

3. การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบกลุ่มจังหวัด (Tourism Cluster)

เป็นแนวคิดการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนากิจกรรม และเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองรองร่วมกัน ระหว่างกลุ่มจังหวัดที่นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเดินทางไปเยือนในการเดินทางท่องเที่ยว 1 ทริป

เที่ยวคลัสเตอร์

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในเป้าหมายการเดินทางท่องเที่ยวให้กับผู้มาเยือน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้งแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนพื้นที่ เพิ่มการใช้เวลาในการท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนและท้องถิ่นในจังหวัดเมืองรอง

การพัฒนากิจกรรมและเส้นทางการท่องเที่ยวร่วมกันระหว่างกลุ่มจังหวัดอาจดำเนินการได้โดยการสร้างเรื่องราว (Storytelling) เชื่อมโยงสถานที่และกิจกรรมการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัด การจัดโปรโมชั่นส่วนลดที่พักและร้านอาหารในกลุ่มจังหวัด การพัฒนากิจกรรมเพื่อสะสมแต้มผ่านสกุลเงินดิจิทัล เป็นต้น

ผลการวิเคราะห์ mobility data สามารถแบ่งประเภทของคลัสเตอร์ของการท่องเที่ยวที่จังหวัดเมืองรองเป็นสมาชิกได้เป็น 4 รูปแบบ ดังนี้

1. กลุ่มเมืองรองแฝงเมืองหลัก เป็นกลุ่มที่มีจังหวัดเมืองรองร่วมอยู่ด้วย แต่สมาชิกในกลุ่มโดยส่วนใหญ่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กลุ่มจังหวัดบุรีรัมย์-นครราชสีมา-สระบุรี

2. กลุ่มเมืองรองล้อมเมืองหลัก เป็นกลุ่มที่มีสมาชิกโดยส่วนใหญ่เป็นจังหวัดเมืองรองอยู่ร่วมกับจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กลุ่มจังหวัดนครสวรรค์-ชัยนาท-สิงห์บุรี-อ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา-ปทุมธานี

3. กลุ่มเพื่อนเมืองรอง เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีสมาชิกทั้งหมดเป็นจังหวัดเมืองรอง เช่น กลุ่มจังหวัดลำปาง-ตาก-กำแพงเพชร-นครสรรค์

dtac 4

4. กลุ่มเมืองฝาแฝด เป็นกลุ่มที่มีสมาชิกเพียง 2 จังหวัด โดยมีทั้งการจับคู่ระหว่างเมืองหลักกับเมืองรอง หรือระหว่างเมืองรองด้วยกันเอง เช่น จังหวัดปราจีนบุรี-ฉะเชิงเทรา

นายชารัด กล่าวว่า ดีแทคเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า Mobility data จะช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าใจรูปแบบการเดินทาง และการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวได้อย่างบูรณาการ เติมเต็มและเพิ่มประสิทธิภาพของการวางแผนและการจัดทำนโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยวตั้งแต่ในระดับประเทศจนถึงท้องถิ่น

นอกจากนั้น ข้อมูลชุดนี้ยังจะช่วยเปลี่ยนโลกให้ดีและน่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการนำเอาข้อมูล Mobility data ไปใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะและการแก้ไขปัญหาสังคม ภายใต้หลักจริยธรรมและการปกป้องความเป็นส่วนตัวอย่างเคร่งครัด ท่ามกลางความท้าทายของโลกที่เพิ่มขึ้นนานัปการ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo