นายกฯ ปลื้ม นักท่องเที่ยว ค้นหาที่พักในไทย ผ่าน ‘Airbnb’ เพิ่มขึ้น 180% คาดทั้งปีต่างชาติเข้าไทย 10 ล้านคน ตั้งเป้ารายได้กว่า 2 ล้านล้านบาท
วันนี้ (วันที่ 4 ส.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม ยินดีที่ Airbnb ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจองที่พักระดับโลก พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการค้นหาที่พักเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวมายังประเทศไทย เพิ่มมากขึ้นกว่า 180% เมื่อเปรียบเทียบระหว่างไตรมาส 1 ของปี 2564 กับปี 2565 อันเป็นผลสะท้อนสอดรับกับการที่รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ด้านการเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง
ไทย 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางยอดนิยม
โดยนายกรัฐมนตรียินดีอย่างยิ่ง ที่ประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมทั้งชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ผ่านการประกาศ “ปีส่งเสริมท่องเที่ยวไทย 2565-2566” หรือ Visit Thailand Year 2022-2023 เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยมากขึ้น
นายธนกร กล่าวว่า ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบจากการเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการทำงานทางไกล และมีจำนวนของ Digital Nomad เพิ่มมากขึ้น ทำให้การเข้าพักระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น (การเข้าพัก 28 วันหรือมากกว่า)
โดยจากข้อมูลล่าสุดของ Airbnb 5 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่oงเที่ยวในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา (ชลบุรี) เชียงใหม่ และเกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี)
นอกจากนี้ นักท่oงเที่ยวมีความสนใจอยากออกไปสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ มากขึ้น อาทิ เกาะลันตา (กระบี่) ตราด ปาย (แม่ฮ่องสอน) และชะอำ (เพชรบุรี) โดยนักท่oงเที่ยวที่มีการค้นหาเพื่อเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ นักท่oงเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ตามลำดับ
วางเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ 3 ซีนาริโอ
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีนักท่oงเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วกว่า 2.7 ล้านคน โดยคาดหมายว่าตลอดปีนี้จะมีนักท่oงเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ตามเป้าที่ตั้งไว้ และสำหรับในปี 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางเป้าหมายพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สู่หมุดหมายการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นคุณค่าและความยั่งยืน มีรายได้จากนักท่oงเที่ยวทั้งเที่ยวในประเทศและต่างชาติเที่ยวไทย อยู่ที่ระหว่าง 1.25-2.38 ล้านล้านบาท ผ่านการวางเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ 3 ซีนาริโอ ได้แก่
- กรณีเลวร้ายสุด (Worst Case) รายได้ท่องเที่ยวรวม 1.25 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ไทยเที่ยวไทย 6.7 แสนล้านบาท (117 ล้านคน-ครั้ง) และต่างชาติเที่ยวไทย 5.8 แสนล้านบาท (11 ล้านคน)
- กรณีฐาน (Base Case) รายได้ท่องเที่ยวรวม 1.73 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ไทยเที่ยวไทย 7.6 แสนล้านบาท (130 ล้านคน-ครั้ง) และต่างชาติเที่ยวไทย 9.7 แสนล้านบาท (18 ล้านคน)
- กรณีดีที่สุด (Best Case) รายได้ท่องเที่ยวรวม 2.38 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ไทยเที่ยวไทย 8.8 แสนล้านบาท (135 ล้านคน-ครั้ง) และต่างชาติเที่ยวไทย 1.50 ล้านล้านบาท (30 ล้านคน) ซึ่งในกรณีนี้คือ การที่นักท่oงเที่ยวจีนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้
นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อการผลักดัน ประเมิน และกระตุ้นให้เกิดการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยได้ดำเนินมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศของนักท่oงเที่ยวต่างชาติ มาอย่างต่อเนื่องและรอบคอบ ส่งผลให้แนวโน้มนักท่oงเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น สะท้อนว่าภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังให้มีความหลากหลาย ตอบรับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ พร้อมเน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย สร้างความมั่นใจแก่นักท่oงเที่ยวต่างชาติ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนไทย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ศักดิ์สยาม’ สั่ง กพท.-ทอท. รับมือ ‘นัก ท่องเที่ยว’ แห่เข้าไทย หลังโควิด
- ชวน ‘ธุรกิจท่องเที่ยว’ จัดแคมเปญ ดึงดูด นัก ท่องเที่ยวเข้าไทย
- นายกฯ สั่ง ทำการตลาดเชิงรุก ดึงนัก ท่องเที่ยว หลังยกเลิก Thailand Pass
