Business

กยศ. แจงเหตุเสียค่าปรับแพง เพราะเบี้ยวหนี้ ค้างชำระนาน ยันคิดเบี้ยปรับตามศาลสั่ง

กยศ. ชี้แจงกรณีข่าวผู้กู้ยืมเสียดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในอัตราสูง เหตุจากผิดนัดชำระหนี้  ยืนยันคิดเบี้ยปรับตามคำพิพากษา แต่หากยังไม่ถูกดำเนินคดีจะคิดเบี้ยปรับเพียง 0.5%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับตัวเลขการให้กู้ยืมเงิน ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับของกองทุน โดยระบุว่าเบี้ยปรับของกองทุนมีอัตราที่ค่อนข้างสูงนั้น

กยศ.

กองทุนขอเรียนชี้แจงว่า กองทุนได้ให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศจำนวนกว่า 6 ล้านราย โดยกองทุนคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% เท่านั้น

ส่วนเบี้ยปรับที่มีจำนวนมากนั้น ตัวเลขดังกล่าวเป็นจำนวนเบี้ยปรับค้างชำระ ซึ่งเกิดจากสาเหตุที่ผู้กู้ยืมผิดนัดค้างชำระหนี้เป็นเวลานาน ทำให้เกิดเบี้ยปรับสะสมจำนวนมาก โดยหากผู้กู้รายใดถูกดำเนินคดี ศาลจะพิพากษาให้ชำระเบี้ยปรับในอัตรา 7.5% ต่อปี

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา กองทุนได้มีมาตรการลดหย่อน ดังนี้

  • ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี
  • ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเหลือ 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุน และไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้
  • ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้และต้องการปิดบัญชีในคราวเดียว
  • ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมเงินทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี
  • ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ)

นอกจากนี้ กองทุนได้มีมาตรการชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี ชะลอการบังคับคดีไว้ เว้นแต่คดีที่จะใกล้ขาดอายุความ และงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้กู้ยืมเงิน และ/หรือผู้ค้ำประกัน

กยศ.

ในปีการศึกษา 2565 กองทุนได้เตรียมเงินงบประมาณให้กู้ยืมจำนวน 38,000 ล้านบาท เพื่อรองรับนักเรียน นักศึกษาจำนวนกว่า 6 แสนราย ซึ่งเป็นวงเงินที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และสามารถกู้ยืมได้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ให้ใช้เป็นค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายดำรงชีพ

ขณะเดียวกันก็พร้อมปล่อยกู้เพิ่มมากกว่านี้หากมีความต้องการมากขึ้น โดยจะใช้เงินสภาพคล่องของกองทุน ไม่เป็นภาระงบประมาณของรัฐบาล

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 กรกฎาคมของทุกปี ถือเป็นวันครบกำหนดชำระเงินคืนกองทุนของผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระเงินคืน โดยสามารถตรวจสอบยอดหนี้ได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือ https://wsa.dsl.studentloan.or.th

ด้านช่องทางการชำระเงิน สามารถชำระเงินคืนผ่านโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึงชำระผ่านช่องทางรับชำระทั่วประเทศ ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส (ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น) ไปรษณีย์ไทย บิ๊กซี และธนาคารที่กองทุนกำหนด

ทั้งนี้ เงินที่ได้รับชำระคืนมา จะเป็นทุนหมุนเวียนให้แก่นักเรียน นักศึกษารุ่นน้องที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือมีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงินในแต่ละปีการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo