Business

พร้อมเที่ยวเปิดประเทศ คนไทย 69% ตั้งใจเดินทาง มิ.ย.-ก.ย. นี้

ยุโรป แอสซิสแทนซ์ เผยผลสำรวจ คนไทยเดินทางเพิ่มมากขึ้น โดย 69% ตั้งใจที่จะเดินทางในเดือนมิถุนายนถึงกันยายน 2565 นี้

จูเลีย ริกค์ หัวหน้าฝ่ายการเดินทางระหว่างประเทศของ ยุโรป แอสซิสแทนซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า จากผลสำรวจ Holiday Barometer ประจำปี ครั้งที่ 21 โดยข้อมูลจากทั่วโลกเผยว่า ผู้คนมีความต้องการในการเดินทางเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสูงกว่าปี 2562

LINE ALBUM Travelเปิดประเทศวันหยุด ๒๒๐๖๑๔

นอกจากนี้ ยังพบว่า 69% ของคนไทยตั้งใจที่จะเดินทางในเดือนมิถุนายนถึงกันยายน เพิ่มขึ้น 25 จุด เมื่อเทียบกับปี 2564 สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นเต้นสำหรับนักเดินทาง ซึ่งสูงกว่าก่อนเกิดโรคระบาด

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เอื้อต่อการเดินทางโดยเครื่องบินและการเดินทางไป จุดหมายปลายทางอย่างเมืองใหญ่

ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจจะมีผลในการตัดสินใจ แต่ไม่หยุดยั้งแผนในการเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากผู้คนมีความกระตือรือร้นที่จะเดินทาง หลังจากมีข้อจำกัดอย่างต่อเนื่องในสองปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อถือเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดของการเดินทางในปีนี้ การจองทริปและประกันการเดินทางกลายเป็นอะไรทีนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น

รายงานเผยว่า นักท่องเที่ยวตั้งงบประมาณการเดินทางในปีนี้สูงกว่าในปี 2564 โดยคนอเมริกันตั้งใจที่จะใช้จ่ายเพิ่มอีก 440 ดอลลาร์ ขณะที่งบประมาณทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 2,760 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปี 2564

ขณะที่ในยุโรป งบประมาณช่วงวันหยุดเทศกาลอยู่ที่ประมาณ 1,800 ยูโร เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปี 2564 และงบประมาณวันหยุดที่คนไทยตั้งใจจะใช้เพิ่มขึ้นจากปี 2564 โดยเพิ่มขึ้น 18%

สำหรับปี 2565 ผู้คนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบในการตัดสินใจที่จะเดินทางในปีนี้ โดย 69% ของชาวยุโรป, 62% ของชาวอเมริกัน, 70% ของชาวแคนาดา, 63% ของชาวออสเตรเลีย และ 77% ของคนไทย บอกว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

การเฝ้าระวังด้านการเงิน ยังถูกกล่าวว่าเป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ส่งผลให้ตัดสินใจไม่เดินทาง โดย 41% ของชาวยุโรปเลือกไม่เดินทางในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน และ 45% ของชาวอเมริกัน และ 34% ของคนไทย

โดยรวมแล้ว ระดับความกังวลของทั่วโลกเกี่ยวกับโควิด-19 ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องแผนการเดินทางและการพักผ่อน โดย 53% ของชาวยุโรปและ 46% ของชาวอเมริกัน เผยว่าโควิด-19 มีผลกระทบต่อความต้องการในการเดินทาง

ขณะเดียวกัน ปัญหาสุขภาพ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อคิดถึงการเดินทางครั้งต่อไปของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย รองลงมาคืออัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าความกังวลด้านโควิด-19 จะลดลง คนไทยยังคงเลือกที่จะไปเที่ยวอย่างระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงบางประเทศ

นายภราดร รามบุตร
จูเลีย ริกค์

อย่างไรก็ตาม ระดับความระมัดระวังได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2564 และเมื่อคิดถึงการเดินทางครั้งต่อไป ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยยังคงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตสุขอนามัย แต่มีระดับน้อยกว่าปีที่แล้ว และความปรารถนาที่จะเดินทางไปต่างประเทศเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ฉีดวัคซีนอีกด้วย

ความกังวลที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ที่ลดลง ได้ทำให้การท่องเที่ยวในเมือง มีความน่าสนใจแก่นักท่องเที่ยวอีกครั้ง แม้ว่าในประเทศไทย การท่องเที่ยวในเมือง จะยังคงได้รับความนิยมน้อยกว่าชายทะเล (58% เทียบกับ 37%) และสถานที่เที่ยวนอกเมืองกับภูเขา

จากข้อมูลเผยว่า ในเกือบทุกประเทศ ระดับการจองทริปโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยมีการจองทริปสำหรับวันหยุดล่วงหน้าเร็วขึ้นกว่าปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีเตรียมการดีที่สุด ซึ่งมากกว่า 50% ได้ทำการรจองบางส่วนของแผนการเดินทางไว้เรียบร้อยแล้ว

การเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น

การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ในทุกประเทศ โดย 48% ของชาวยุโรป 36% ของชาวอเมริกัน และ 56% ของคนไทยที่ตั้งใจจะเดินทางไปต่างประเทศในเดือนมิถุนายนถึงกันยายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่คุ้นเคยกับการเดินทางไปต่างประเทศ

นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนมาก จะเลือกประเทศที่อยู่ไม่ไกลจนเกินไป โดยประเทศที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือญี่ปุ่น รองลงมาคือเกาหลีใต้และสิงคโปร์ โดย สภาพอากาศและการความคุ้นเคยของประเทศนั้นๆ ถือเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการเลือกจุดหมายปลายทาง

เมื่อถามเกี่ยวกับการกลับสู่สภาวะปกติ ของการเดินทาง แต่ละประเทศมีมุมมองที่แตกต่างกันไป ชาวไทย ออสเตรเลีย และออสเตรียเป็นกลุ่มทีมิงว่าสถานการ์ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยครึ่งของประชากรในประเทศเหล่านี้คิดว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติได้ในปี 2567 หรือแย่ไปกว่านั้นคือ ไม่มีวันกลับมาเป็นปกติเลย

ในทางตรงกันข้าม ชาวโปแลนด์ เช็ก หรือสวิสเป็นกลุ่มที่มองโลกในแง่ดีมากที่สุด โดยเกือบ 4 ใน 10 กล่าวว่าสถานการณ์เกือบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว

อย่างไรก็ตามโควิด-19 มีผลทำให้นิสัยของผู้คนเปลี่ยนไป ซึ่งหนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสามของประชากรเผยว่า พวกเขาจะทำงานนอกสถานที่และไปพักผ่อนพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนไทย (70%)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo