Business

รู้ไหม! ใช้ รถ EV เสียภาษีต่ำกว่ารถน้ำมัน เงื่อนไขมีอะไร เสียภาษีเท่าไหร่ อ่านที่นี่

ชวนใช้ รถ EV เสียภาษีต่ำกว่ารถน้ำมัน เช็คเงื่อนไขรถแต่ละประเภท ที่สามารถจดทะเบียนได้

งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ในปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV เป็นกระแสที่น่าสนใจ เพราะทุกค่ายรถยนต์ ต่างนำรถยนต์ไฟฟ้ามาโชว์เรียกความสนใจเป็นอย่างมาก ยิ่งมีมาตรการกระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุน ยิ่งทำให้รถยนต์ EV น่าสนใจยิ่งขึ้น

รถ EV

ใครที่คิดจะซื้อรถยนต์ในช่วงนี้ นอกจากรัฐจะช่วยจ่ายตามมาตรการที่กล่าวมา รถยนต์ไฟฟ้ายังมีอัตราการเสียภาษีต่ำกว่าปกติอีกด้วย

นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดี กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิง จากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ที่มีปริมาณการใช้รถยนต์อย่างหนาแน่น เช่น กรุงเทพมหานคร

การเลือกใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ที่ไม่ปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม จึงเป็นทางออกที่จะช่วยลดมลพิษทางอากาศได้อย่างยั่งยืน

ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก จึงมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถที่ใช้พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ด้วยการจัดเก็บอัตราภาษีรถประจำปี ในอัตราที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

รถ EV

คุณสมบัติของ รถ EV แต่ละประเภทที่สามารถจดทะเบียนได้

พร้อมทั้งกำหนดคุณสมบัติของกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ความเร็วขั้นต่ำ รวมถึงส่วนควบ และเครื่องอุปกรณ์ของรถที่จะจดทะเบียน ซึ่งจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานบนท้องถนน ร่วมกับรถประเภทอื่นได้อย่างปลอดภัย โดยมีรายละเอียดดังนี้

รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร รถยนต์บริการให้เช่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 15 กิโลวัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบพิเศษ ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 100 กิโลวัตต์ โดยจะต้องติดเครื่องหมาย “e” หรือมีการกำหนดรหัสหรือรุ่นของผู้ผลิต ที่แสดงถึงการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถ ไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง ที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าหรือความเร็วสูงสุด ไม่เป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้น ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยจะต้องติดเครื่องหมาย “s” ไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ในส่วนของรถยนต์รับจ้างสามล้อและรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ และวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง

และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ แต่ไม่เกิน 4 กิโลวัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทั้งนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าของรถทุกประเภทข้างต้น จะต้องขับเคลื่อนรถรวมน้ำหนักบรรทุก ด้วยความเร็วสูงสุดตามที่กำหนดได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 นาที

รถ EV

รถไฟฟ้า เมื่อสามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เสียภาษีต่ำกว่ารถน้ำมัน 

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว จะเสียภาษีรถประจำปีในอัตราภาษีต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

โดยหากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รถเก๋ง) ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จะจัดเก็บภาษีตามน้ำหนักของรถตามรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน (รถตู้) เช่น รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,510 กิโลกรัม เสียภาษีรถประจำปีตามน้ำหนักของรถตู้ ในอัตราคันละ 1,300 บาท ต่างจากกรณีรถเก๋งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีการจัดเก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี)

ส่วนรถตู้ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จัดเก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่ง เช่น รถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เสียภาษีรถประจำปีคันละ 100 บาท แต่รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จะเสียภาษีประจำปีในอัตราคันละ 50 บาท เท่านั้น

ถึงแม้ว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่ถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และภาษีรถประจำปีให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่งด้วย

ประชาชนที่สนใจ สามารถตรวจสอบรายละเอียดของรถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถนำมาจดทะเบียนและอัตราภาษีรถประเภทต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo