Business

‘ศักดิ์สยาม’ สั่งท่าเรือฯ ปักหมุดขึ้น 1 ใน 9 ท่าเรือระดับโลก

“ศักดิ์สยาม” สั่งท่าเรือปักหมุดขึ้น 1ใน 9 ท่าเรือระดับโลก “world class” ในปี 68 จ่อเสนอ ครม.ภายในสิ้นปี 65 จัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ ผุด 3 บริษัทเดินเรือ “ในประเทศ-อีสต์-เวสต์” รองรับท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3-แลนด์บริดจ์  เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของไทย ให้เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งทางน้ำของภูมิภาคอาเซียน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังมอบนโยบายการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ว่า จากนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการพัฒนาโลจิสติกส์ทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะโลจิสติกส์ทางน้ำที่เป็นการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำนั้น ตนได้นโยบายให้ กทท. เร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ระยะที่ 3 และการนำระบบท่าเรืออัตโนมัติ (Port Automation) มาใช้ในการปฏิบัติงานและการให้บริการ เพื่อให้เกิดความแน่นอนและแม่นยำในการวางแผนบรรทุกและการขนถ่ายสินค้า อำนวยความสะดวกในการบริหารพื้นที่หลังท่า โดย กทท. ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดในปี 2568 เพื่อส่งเสริมศักยภาพของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

5ภาพ

ขณะเดียวกันให้ กทท. และ กรมเจ้าท่า (จท.)เร่งรัดผลักดันให้มีการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติในรูปแบบ บริษัท 3 บริษัท สายการเดินเรือในประเทศ (Domestic) ,และสายการเดินเรือต่างประเทศ (International)ซึ่งจะมี 2 บริษัทคือ บริษัท สายการเดินเรือต่างประเทศฝั่งตะวันออก และ บริษัท สายการเดินเรือต่างประเทศฝั่งตะวันตก

ศักดิ์สยามท่าเรือ

ทั้งนี้คาดว่าจะเสนอต่อ ครม. ได้ไม่เกินสิ้นปี 2565 เมื่อจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ จะส่งเสริมและพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางน้ำ ลดต้นทุนการขนส่งโลจิสติกส์ สนับสนุนการส่งออกและนำเข้า เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยกองเรือไทย ลดการขาดดุลบริการด้านค่าระวางเรือ และเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับกองเรือไทย

นอกจากนั้น ให้เร่งรัดดำเนินการในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (แลนด์บริดจ์)  ขั้นตอนขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ทำการศึกษาอยู่ ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ภายในปี 2572 โครงการแลนด์บริดจ์ จะเห็นเป็นรูปธรรม  มั่นใจว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะช่วยพัฒนาท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งทะเล ให้เชื่อมต่อระบบการขนส่งอื่นอย่างไร้รอยต่อ ช่วยลดเวลา ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางน้ำ และคน ประกอบกับแลนด์บริดจ์จะดึงให้ผู้ประกอบการจากทั่วโลก หันมาใช้เส้นทางแลนด์บริดจ์เชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก แทนเส้นทางการค้าเดิม คือช่องแคบมะละกา

ศักดิ์ตรวจ

จากการศึกษายังพบว่า ปัจจุบันช่องแคบมะละกามีเรือขนส่งผ่านกว่า 80,000 ลำต่อปี  คาดว่าใน10 ปี จะมีปริมาณมากถึง 120,000 ลำต่อปี  ถือเป็นการจราจรที่หนาแน่นมาก ดังนั้นแลนด์บริดจ์ จะเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งทางน้ำของภูมิภาคอาเซียนและโลก

“ปัจจุบัน กทท.ได้มีการปรับปรุงท่าเรือ และการบริการให้มีความทันสมัยในทุกๆท่าเรือ ทำให้สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่ารวมกว่า 9.8 ล้านทีอียู หากท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 แล้วเสร็จในปี 2568  สามารถรองรับตู้ผ่านท่าได้รวมกว่า 18 ล้านทีอียู  จึงได้ให้นโยบาย กทท.ว่าต้องขึ้นอันดับ 1 ใน 9 ท่าเรือระดับโลก หรือ world class ให้ได้เป็นเลขตัวเดียวภายในปี 2568 จากปัจจุบันท่าเรือของ กทท. อยู่อันดับ 22 ของโลก”

ภาพรวมท่าเรือ

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ได้รายงานสรุปแผนงานและโครงการที่สำคัญของ กทท. ในการมุ่งสู่มาตรฐานท่าเรือชั้นนำระดับโลก พร้อมบูรณาการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเลิศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน  เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือ การพัฒนาธุรกิจและสินทรัพย์ การพัฒนาระบบบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน การพัฒนาสมรรถนะองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม การพัฒนาสมรรถนะองค์กรด้วยกระบวนงานทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาองค์กรอย่างมีส่วนร่วมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

5ภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight