คมนาคมเปิดศึกมหาดไทยในครม.วันนี้ เตรียมเปิดโปง ประเด็นกฎหมาย ค้านครม. อนุมัติสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผวาผิดกฎหมาย กรณีการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หวั่นผิดพรบ.ฮั้ว ผงะ!! พบปม “จ้างเดินรถ” ไม่ผ่านสภา กทม. แต่ก่อหนี้ไปแล้ว 17,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้หากกระทรวงมหาดไทย มีการเสนอให้ครม.พิจารณาเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) ทางกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมข้อทักท้วงเสนอที่ประชุมครม.ไว้แล้ว เกี่ยวกับประเด็นข้อกฎหมายการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการอยู่หลายประเด็น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เสนอความเห็นไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
โดยประเด็นที่เสนอคัดค้านในการประชุมครม.วันนี้ ประกอบด้วย 1. ตามที่มีเอ็มโอยู เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2559 ระบุว่าทาง รฟม. จะอำนวยความสะดวกให้กทม. สำหรับการเข้าติดตั้งและทดสอบระบบไฟฟ้าและเครื่องกลในช่วงระหว่างงานก่อสร้างโยธาเท่านั้น จึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า กรรมสิทธิ์ของโครงการเป็นของรฟม. ตามหมวด 4 สัมปทานแห่ง พรบ.รฟม.ปี 2543 การที่กทม.ไปดำเนินการ ว่าจ้าง BTS ติดตั้งระบบส่วนต่อขยาย ปี 2559 และว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าถึงปี 2585 โดยยังไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ถูกต้องหรือไม่
2. เอ็มโอยู เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2561 การอนุญาตกทม. เข้าพื้นที่ติดตั้งงานระบบรถไฟฟ้าได้ตามความเหมาะสม และสามารถบริหารจัดการเดินรถในระหว่างกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ จึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า กรรมสิทธิ์ของโครงการเป็นของรฟม. ตามหมวด 4 สัมปทานแห่ง พรบ.รฟม.ปี 2543 การที่กทม.เป็นหนี้ BTS ตั้งแต่ ปี 2559 แล้วนำหนี้ดังกล่าวมาเป็นต้นทุน แลกกับการขยายสัญญาสัมปทานถึงปี 2602 โดยที่ยังไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ถูกต้องหรือไม่
3. กรรมสิทธิ์จะเป็นของกทม. ก็ต่อเมื่อได้ชำระภาระทางการเงินของโครงการครบถ้วน และไปดำเนินการทางทะเบียน เกี่ยวกับที่ดิน ตามขั้นตอนกฎหมาย การโอนกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อโอนกรรมสิทธิ์สมบูรณ์แล้ว จึงจะดำเนินการตาม คำสั่ง คสช.ที่ 3/ 2562 มิเช่นนั้นจะต้องดำเนินการตาม พรบ.รฟม. 2543 หมวด 4
อย่างไรก็ดี หากกระทรวงมหาดไทย เสนอเรื่องเข้าครม.วันนี้ กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมข้อโต้แย้งในประเด็นทางด้านกฎหมาย เกี่ยวกับการติดตั้งระบบไฟฟ้าและจ้างเดินรถ ประกอบด้วยงานส่วนที่ 1: การติดตั้งงานระบบ มีการก่อหนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ที่ กทม.ว่าจ้าง KT. ติดตั้งงานระบบเดินรถ มีประเด็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างงานระบบเดินรถดังกล่าว เป็นไปตามระเบียบกฎหมายครบถ้วนหรือไม่ และมีการแข่งขันทางด้านราคา เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อรัฐและประชาชนหรือไม่
ทั้งนี้ประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมว่า การว่าจ้างเอกชนรายเดิมติดตั้งระบบรถไฟฟ้าโดยไม่ได้ เปิดให้เกิดการแข่งขัน จะเข้าข่ายพรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2564 (กฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับฮั้ว) หรือไม่
ส่วนงานที่ 2: การจ้างเดินรถ ก่อหนี้ประมาณ 17,000 ล้านบาท การที่กทม.ว่าจ้าง KT. เดินรถ ทำให้ก่อหนี้แก่กทม. เป็นจำนวนมาก ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ซึ่งระบุให้ กทม./KT.จะต้องเสนอ สภา กทม. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการก่อหนี้ หรือไม่ หากไม่มีการดำเนินการอาจไม่มีอำนาจในการสั่งจ้าง
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 กทม./ KT. จะต้องเสนอสภา กทม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ การจัดซื้อและการก่อหนี้ก่อน ซึ่งไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า กทม./ KT. ได้ดำเนินการเสนอสภา กทม. พิจารณา จึงต้องพิจาณาว่าการดำเนินการดังกล่าว มีความถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
อย่างไรก็ดี การก่อหนี้รวมประมาณ 37,000 ล้านบาท หนี้ทั้ง 2 ส่วน ยังคงมีประเด็นการดำเนินการที่ยังไม่ถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมาย โดยกทม. กลับนำปีะเด็นดังกล่าวเป็นข้อเสนอครม. เพื่อนำหนี้ทั้งสองส่วน เป็นผลประโยชน์ให้แก่รัฐ ซึ่งหากครม. เข้าไปเห็นชอบด้วย อาจถือเป็นเจตนาพิเศษ ในการชดเชยหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนการติดตั้งระบบไฟฟ้าและจ้างเดินรถ ดังนั้นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการว่าจ้างเดินรถระหว่าง KT. กับเอกชน ต้องพิจารณาว่าได้ผ่านการพิจารณาของสภา กทม. หรือไม่ กรณีที่ไม่ได้ผ่านสภา กทม. เป็นข้อบัญญัติในการรับรู้แหล่งงบประมาณ ในการว่าจ้าง ก็ต้องพิจารณาว่า ผู้บริหารกทม. มีอำนาจในการว่าจ้างหรือไม่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ด่วน! 7 รัฐมนตรีภูมิใจไทย ‘บอยคอต’ ประชุมครม.วันนี้ – ค้านมหาดไทยขยายสัมปทานสายสีเขียว
- ‘มท.1’ เคลียร์ชัดปม ‘รถไฟฟ้าสายสีเขียว’ ลั่นคำตอบอยู่ที่ ครม. แล้ว!!
- คิดเหมือนกัน! ‘4 ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.’ ประสานเสียง ไม่ต่อสัญญา ‘รถไฟฟ้าสายสีเขียว’