Business

‘ลลิล พร็อพเพอร์ตี้’ ไม่หวั่นโควิด ลุยผุด 10-12 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้าน มุ่งผู้นำแนวราบ

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดแผนลุยต่อ ปี 2565 เดินหน้าเปิด 10-12 โครงการ มูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาท ชี้แนวราบยังเติบโตได้ท่ามกลางความท้าทายจากโควิด ตั้งเป้ายอดขาย 8,500 ล้านบาท

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า ในปี 2565 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะขยายตัวได้ราว 3-4% ซึ่งถือว่ายังไม่กลับไปสู่ระดับปกติในช่วงก่อนเกิดการะบาด

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้

ทั้งนี้เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยง ในเรื่องของการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน ตลอดจนการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก นำไปสู่การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศ

ในขณะที่กำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนแอจากผลกระทบของการระบาด ระดับหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ส่องปัจจัยหนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์

1. การต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทออกไปจนถึงสิ้นปี 2565

2. การผ่อนปรนเกณฑ์ LTV จากธนาคารแห่งประเทศไทย

IMG 3166
ไชยยันต์ ชาครกุล

3. ตลาดแนวราบยังได้แรงหนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวสูงมาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ดีกว่าในยุค New Normal

ทั้งนี้มองว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจ และสภาวะอุตสาหกรรม ในปี 2565 นี้จะยังไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่บริษัทฯ ยังมีความเชื่อมั่นในแผนกลยุทธ์ การบริหารงาน และความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะในตลาดแนวราบของบริษัทฯ

ดังนั้น จึงมั่นใจว่าจะเป็นอีกปีที่จะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสู่การเป็น National Housing Company และก้าวสู่การเป็น 1 ใน 5 แบรนด์แรกของผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ผู้บริโภคนึกถึงเมื่อมองหาที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วงราคา 2-8 ล้านบาท

ขณะที่แผนขยายธุรกิจปีนี้ จะขยายโครงการเพิ่มเติมอีก 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 7,000-8,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขายสำหรับปี 2565 นี้ไว้ที่ 8,500 ล้านบาท คาเยอดรับรู้รายได้ที่ 7,200 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า

Lio Prestige ซุ้ม

ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ ลลิลฯ จะต่อยอดการใช้กลยุทธ์ด้าน Digital Marketing เพิ่มมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมีศักยภาพ และตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

ตัวอย่างเช่น การนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์เกี่ยวกับ Customer Insight เพื่อนำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์และการบริการที่เข้าถึง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานในทุกภาคส่วนในองค์กร เพื่อยกระดับสู่ Digital Company อย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2565 นี้ จะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบที่เป็น Real Demand ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุค New Normal ได้ดีกว่า เพราะมีพื้นที่สีเขียวในการผ่อนคลาย และมีพื้นที่ใช้สอยที่รองรับการใช้ชีวิต ตอบสนองความต้องการในหลากหลายรูปแบบทั้งการ Work from Home และการเรียนผ่านระบบออนไลน์

IMG 31532
ชูรัชฏ์ ชาครกุล

นอกจากนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ Lalin The Next เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์เพื่อคนไทย พร้อมมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบใหม่ที่ดีกว่า ที่รวม 3 แนวทางหลักเพื่อสร้างการเติบโตจากปัจจุบันสู่อนาคตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย

  • Next Dynamic Sustainable การบริหารโดยยึดหลัก ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเป็นองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมองเห็นคุณค่าในการประหยัดพลังงาน
  • Next Living Experience มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อลูกค้า เฟ้นหาที่ตั้งโครงการในทำเลศักยภาพ สร้างสรรค์การออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมและดีไซน์ที่ทันสมัยในวิสัยทัศน์แห่ง Trend setter
  • Next Innovative Co-Creation ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกในองค์กรอยู่เสมอ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ โดยมีการจัดตั้ง Lalin Academy แหล่งความรู้สนับสนุนบุคลากรในการทำงาน มีการ Training อย่างต่อเนื่อง ทั้ง New Skill, Re-Skill และ Up Skill

ในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรงบในการซื้อที่ดินไว้ประมาณ 1,100 – 1,300 ล้านบาท และพร้อมปรับเพิ่มให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงาน และการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo