Business

บทบาท ‘ไอที’ กับธุรกิจในยุคการตลาด 5.0 จับอินไซต์ลูกค้า

การตลาด 5.0 ความท้าทายองค์กรธุรกิจ ที่ต้องปรับใช้เทคโนโลยี เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าด้วยแพลตฟอร์มใหม่ ๆ โดยมี ข้อมูล เป็นวัตถุดิบสำคัญในการขับเคลื่อนการตลาด

นายนครินทร์ เทียนประทีป ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวถึง การตลาด 5.0 ว่า เป็นยุคของเทคโนโลยีเพื่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งเห็นจริงแล้วจากสถานการณ์ โควิด-19 ที่เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลบิ๊ก ดาต้า ซึ่งถูกใช้เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุข การพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจและการตลาดใหม่ ๆ ผ่านออนไลน์ เพื่อรับใช้วิถีชีวิตแบบ Work from Home อย่างจริงจัง

การตลาด 5.0

การตลาดยุค 5.0 จึงเป็นยุคที่องค์กรธุรกิจต้องนำแพลตฟอร์มใหม่ ๆ มาใช้เพื่อให้เข้าถึงลูกค้า โดยมี ข้อมูล เป็นวัตถุดิบสำคัญในการขับเคลื่อนการตลาด (Data-Driven) ผ่านการประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ เช่น เอไอหรือแมชชีนเลิร์นนิ่ง ไอโอที เออาร์หรือวีอาร์ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ลูกค้าในยุคนี้ ก็อัพเกรดสู่การเป็นโปรซูเมอร์ (Prosumer) หรือ บอสซูเมอร์ (Bossumer) ที่รู้จริงมากขึ้น คิดก่อนซื้อมากขึ้น ต้องการสินค้าบริการที่เฉพาะตัวมากขึ้น ซึ่งไอทีจะมีส่วนช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่รูปแบบ As-a-Service ที่มุ่งสร้าง ประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เป็นสำคัญ

ไอทีที่การตลาด 5.0 ต้องการ

การ์ทเนอร์กล่าวว่า สิ่งที่ผู้บริหารธุรกิจคาดหวังจากเทคโนโลยีในปี 2565 และจากนี้ไปอย่างน้อย 3-5 ปี คือ การขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ โดยต้องตอบโจทย์ใน 3 สาระสำคัญ คือ

  • ให้ความน่าเชื่อถือในทางวิศวกรรม หมายถึง ข้อมูลถูกรวบรวมและประมวลผลอย่างถูกต้องปลอดภัย และยืดหยุ่นในการทำงานข้ามไปมาทั้งบนสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์หรือไม่ใช่คลาวด์
  • หล่อรวมทุกการเปลี่ยนแปลง คือ เทคโนโลยีที่พร้อมต่อการปรับ-ขยาย หรือเร่งการพัฒนาสู่องค์กรดิจิทัลในทุกรูปแบบ อาทิ ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้รวดเร็ว เกิดการทำงานที่เป็นอัตโนมัติ หรือ สนับสนุนการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจที่รวดเร็วและชาญฉลาด
  • เสริมแกร่งการเติบโตทางธุรกิจจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างแผนจัดการเชิงกลยุทธ์ที่สามารถเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
นครินทร์ New 1
นครินทร์ เทียนประทีป

สมรภูมิแรนซัมแวร์ดุเดือด

การเกิดขึ้นของ Ransomware As a Service เกิดขึ้นจริงแล้วสำหรับบริการมัลแวร์ในการโจมตีข้อมูลและระบบไอที ซ้ำการจ่ายค่าไถ่ผ่านบิตคอยน์ที่ไม่สามารถระบุตัวตน ทำให้ติดตามจับกุมได้ยาก

ปัจจุบัน เกิดกรณีการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ถี่ขึ้นเกือบทุกสองหรือสามเดือน ทั้งยังพบว่า ในปี 2564 องค์กรธุรกิจต้องใช้เวลานานกว่า 287 วัน ในการระบุหรือตรวจพบการละเมิดข้อมูล

แม้ว่าการโจมตีของแรนซัมแวร์ยังวนเวียนอยู่ใน 3 วิธีการ คือ 1. ขโมยข้อมูลออกไปโดยไม่รู้ตัวแล้วนำกลับมาต่อรอง 2. ไม่ได้ขโมยแต่ก็อปปี้ข้อมูลออกไปใช้ และ 3. ใส่รหัสข้อมูลทำให้เจ้าของข้อมูลใช้งานไม่ได้ นอกจากเสียค่าไถ่เพื่อแลกกับกุญแจถอดรหัส

แต่ปัญหาใหญ่ในขณะนี้ คือ องค์กรที่มีระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลก็อย่าได้วางใจ เพราะ แรนซัมแวร์สามารถโจมตีลึกถึงระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์หลัก ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ หรือแม้กระทั่งในเทปแบ็คอัพก็ตาม

บริษัทไอทีอย่าง HPE แนะเทคนิคการสร้างความปลอดภัยไอทีที่สมบูรณ์ว่า ควรประกอบด้วยขั้นตอนป้องกัน (Prevent) และตรวจจับตอบโต้ (Detect & Response) และจำเป็นต้องใช้ เอไอ ช่วยตรวจจับ ป้องกัน และสร้างระบบอัตโนมัติให้เข้าควบคุมแก้ไขในทันที

ทั้งนี้ เพื่อขจัดห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์ที่แฝงมากับการใช้งานเว็บแอปพลิเคชันต่าง ๆ ช่องโหว่จากการเปิดใช้งานไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย อีเมลฟิชชิ่ง หรือการส่งมัลแวร์เข้ามาฝังตัวโดยตรง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังควรเชื่อมโยงเทคโนโลยีความปลอดภัยแต่ละจุดในองค์กรให้สามารถประสานการทำงานร่วมกันในทุกสภาพแวดล้อมทั้งคลาวด์และไม่ใช่คลาวด์ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการปกป้องข้อมูลขององค์กรยุคดิจิทัลมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo