เผยผลสำรวจ ชาวมิลเลนเนียล พบยังไม่พร้อมมีบ้าน โดยเฉพาะมิลเลนเนียลชาวไทย 58% ยังไม่มีแผนจะย้ายออกในช่วง 1 ปีจากนี้ เหตุต้องการดูแลพ่อแม่ ไม่มีเงินพอซื้อบ้าน
DDproperty เผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในไทย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ฉบับล่าสุด และผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคในอาเซียน (สิงคโปร์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย) จากเว็บไซต์ในเครือ พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป พบ มิลเลนเนียลชาวไทย ไม่พร้อมซื้อบ้านใหม่
ทั้งนี้ จากการที่ประเทศในอาเซียน ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมถึงภาคอสังหาฯ ที่ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน
เมื่อมาดูมุมมองความต้องการที่อยู่อาศัยและการวางแผนการเงิน ของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลหรือ Gen Y ในแถบอาเซียนที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน และเริ่มซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในตลาดอสังหาฯ
ท่ามกลางความท้าทายและอุปสรรครอบด้าน ทั้งจากโควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในเวลานี้ ข้อมูลที่พบคือ หนี้ครัวเรือน ฉุดกลุ่มมิลเลนเนียลชาวไทย 58% ไม่มีแผนจะย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ในช่วง 1 ปีข้างหน้านี้
ขณะที่ชาวมิลเลนเนียลอาเซียนส่วนใหญ่ มีความพร้อมและวางแผนที่จะย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ในช่วง 1 ปีข้างหน้านี้ โดยชาวอินโดนีเซียมีความพร้อมมากที่สุดถึง 84% ในการตั้งใจย้ายออกเพื่อไปหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่วนชาวมาเลเซียและชาวสิงคโปร์ ต่างมีแนวโน้มจะย้ายออกจากบ้านเช่นกัน (79% และ 77% ตามลำดับ)
อุปสรรคใหญ่เมื่อชาวมิลเลนเนียลคิดมีบ้าน
กลุ่มมิลเลนเนียลชาวอาเซียนที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่เผยว่า สภาพคล่องทางการเงิน และการครองตัวเป็นโสด เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยังไม่ย้ายออก รวมทั้งมีปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
สาเหตุหลักที่ทำให้มิลเลนเนียลชาวไทยไม่ย้ายออกจากบ้านพ่อแม่
- เกือบครึ่ง (49%) เผยว่าต้องการอยู่กับครอบครัวและคอยดูแลพ่อแม่
- ไม่มีเงินเพียงพอในการหาที่อยู่อาศัยใหม่ (43%)
- ตั้งใจที่จะรับช่วงต่อบ้านจากพ่อแม่อยู่แล้ว (22%)
ปัญหาหลักที่ทำให้ชาวมาเลเซียไม่ย้ายออกไปซื้อบ้านของตัวเอง
- 62% มีเงินเก็บไม่เพียงพอที่จะซื้อหรือเช่าบ้าน
- 48% ยังไม่ได้แต่งงาน
- 31% และมองว่าราคาที่อยู่อาศัยยังแพงเกินไป จึงขอเก็บเงินไว้ดีกว่าจะนำไปซื้อบ้าน
ชาวอินโดนีเซียมีมุมมองคล้ายกับชาวมาเลเซีย คือ มีเงินไม่พอที่จะซื้อหรือเช่าที่อยู่ใหม่ของตัวเอง ทำให้ไม่ตัดสินใจย้ายออก (55%) ตามมาด้วยยังไม่ได้แต่งงาน (45%) ในขณะที่อันดับสามเผยว่า อยากอยู่ดูแลพ่อแม่ (31%)
ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่มองว่าการที่ยังไม่แต่งงานและโครงการที่อยู่อาศัยแบบ BTO (Build-to-Order) มีความล่าช้าเป็นอุปสรรคใหญ่ในสัดส่วนเท่ากันที่ 41% ตามมาด้วยปัญหาการเงิน (24%)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หุ้นอสังหาฯ คึกคัก แบงก์ชาติ ‘ปลดล็อกสินเชื่อบ้าน’ กู้ได้เต็ม 100%
- ผ่อนคลายมาตรการ LTV ใครได้ประโยชน์?
- มาตรการผ่อนคลาย LTV กระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่ม วอนผ่อนคลายสินเชื่อกระตุ้นอีกแรง