Business

‘7 สิ่งใหม่’ กับไอคอน ซีเนคอนิค โรงหนังแฟลกชิพลักชัวรีเครือเมเจอร์ฯ

หลังจาก 13 ปีก่อน “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” เปิดโรงภาพยนตร์ลักชัวรีกลางเมืองที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน บนพื้นที่กว่า 2 หมื่นตร.ม. จำนวน 16 โรง ถือเป็นโรงภาพยนตร์ที่ทำสถิติรายได้สูงสุดของเครือเมเจอร์ฯ มาถึงปัจจุบันด้วยยอดขายตั๋วปีละ 2 ล้านใบ

ในโครงการ “ไอคอนสยาม” เดสทิเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลกแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมเจอร์ฯ ได้เปิดตัวโรงภาพยนตร์แฟลกชิพลักชัวรี “ไอคอน ซีเนคอนิค” (ICON CINECONIC) กับ 13 โรงภาพยนตร์ และ 1 ลิฟวิ่งรูม ที่เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่  ตั้งอยู่บนชั้น 6, 7 และ 8  พื้นที่กว่า 1.1 หมื่นตร.ม. ในโครงการไอคอนสยาม

วิศรุต  พูลวรลักษณ์
วิศรุต  พูลวรลักษณ์

วิศรุต  พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเมเจอร์ฯต้องการสร้าง ไอคอน ซีเนคอนิค ให้เป็นโรงภาพยนตร์หรูในย่านฝั่งธนบุรี หรือเปรียบได้กับเป็น “โรงหนังพารากอนของฝั่งธนฯ”

โรงภาพยนตร์ ไอคอน ซีเนคอนิค ออกแบบโดย มร.ดิเอโก กรอนดา (Mr.Diego Gronda) นักออกแบบฝีมือระดับโลก ผู้ออกแบบโรงละคร โกดัก เธียเตอร์ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ที่ผ่านมาได้ออกแบบ รวมทั้งโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต และเมกา ซีนีเพล็กซ์ ด้วยบรรยากาศหรูหราทันสมัยเสมือนโรงแรม 6 ดาว  และการออกแบบ ไอคอน ซีเนคอนิค ของ มร.ดิเอโก จะเป็นอีกผลงานมาสเตอร์พีซในย่านฝั่งธนบุรี

เมเจอร์ ไอแม็กซ์ ไอคอน

สำหรับ ไอคอน ซีเนคอนิค มี 13 โรงภาพยนตร์ และ 1 ลิฟวิ่งรูม รวม 2,781 ที่นั่ง ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์วีไอพี 1 โรง, โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ 1 โรง, โรงภาพยนตร์ 4DX 1 โรง, โรงภาพยนตร์คิดส์ซีนีม่า 1 โรง และโรงภาพยนตร์ที่นั่งปกติ 9 โรง  ราคาตั๋วโรงที่นั่งปกติอยู่ที่ 250 บาทต่อที่นั่ง เท่ากับสาขาพารากอน และสูงสุดโรงหนัง ลิฟวิ่งรูม ราคาคู่ละ 4,000 บาท (2 ที่นั่ง) ราคาเท่ากับโรงอินิกม่า พารากอน

โรงหนังเด็ก โรงหนังไอคอน
ห้องน้ำเด็ก ไอคอน ซีเนคอนิค

กลุ่มลูกค้าของ ไอคอน ซีเนคอนิค จะเป็นชาวไทย 70% และต่างชาติ 30 % อายุระหว่าง 18-55 ปี เป็นกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ทั้ง นักเรียน นิสิต นักศึกษา คนทำงาน ผู้ที่อยู่ในย่านฝั่งธนบุรี และพื้นที่โดยรอบของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ถือเป็นสาขาแฟลกชิพที่มีโรงภาพยนตร์ครบทุกประเภท  วางเป้าหมายยอดขายตั๋วปีละ 2 ล้านใบเท่ากับสาขาพารากอน โดยเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2561 ได้เปิดให้บริการวันแรกมียอดขายตั๋ว 6,000 ใบ ถือเป็นสถิติสูงสุดของยอดขายเปิดสาขาวันแรก

“7 สิ่งใหม่”โรงหนังไอคอน

สำหรับจุดเด่นที่แตกต่างจากโรงภาพยนตร์ทั่วไปของ “ไอคอน ซีเนคอนิค”

1.การบริการซื้อตั๋วผ่านระบบ Smart Ticket Scan and Go ผ่าน 2 ช่องทาง คือ ใช้โทรศัพท์มือถือซื้อตั๋วหนังผ่านแอพพลิเคชั่น Major Movie Plus และนำ QR Code ที่ได้รับจากระบบ ไปสแกนที่เครื่อง Smart Ticket ด้านหน้าทางเข้าโรงภาพยนตร์ หรือ อีกช่องทาง คือ ซื้อผ่าน ตู้ E-Ticket ซึ่งในตั๋วหนังทุกใบจะมี QR Code สามารถนำไปสแกนที่เครื่อง Smart Ticket ก็เข้าชมภาพยนตร์ได้ทันทีเช่นกัน  เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบ ความง่าย สะดวก และรวดเร็ว

ปัจจุบันเมเจอร์ฯ มียอดขายตั๋วผ่านโมบายราว 10%  ผ่านตู้ E-Ticket  80% และผ่านช่องขายตั๋วบ็อกซ์ออฟฟิศ 10% คาดว่าภายใน 3 ปีจากนี้ยอดขายตั๋วผ่านโมบายจะอยู่ที่ 80% และตู้ E-Ticket 20%  โดยไม่มีระบบคนขายตั๋วผ่านบ็อกซ์ ออฟฟิศอีกต่อไป

2.ระบบ Laserplex  โดยทุกโรงภาพยนตร์จะฉายด้วย Laser Projector  เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีการฉายไปอีกขั้น ด้วยภาพคมชัดกว่าเดิมถึง 3 เท่า

เมเจอร์ ไอแม็กซ์ ไอคอน

3.โรงภาพยนตร์ IMAX  ด้วยเครื่องฉายระบบไอแมกซ์รุ่นที่รองรับการฉายภาพแบบ High Frame Rate รองรับภาพยนตร์ที่ถ่ายทำมาในระบบนี้ได้ในอนาคต โดยภาพจะมีความสมูทมากขึ้นในฉากที่ภาพมีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ช่วยลดอาการเบลอของภาพลง

เมเจอร์ ไอคอน ซีเนคอนิค

4.โรง 4DX ใหม่ล่าสุด ด้วยเอฟเฟกต์พายุหมอก และเป็นครั้งแรกที่โรง 4DX มาพร้อมระบบการฉายแบบ Laser ที่ให้ความคมชัดสูง ภาพสว่างมากขึ้นช่วยให้มองเห็นละเอียดต่าง ๆ ได้ชัดเจนแม้ในฉากภาพยนตร์ที่มืดมิด เช่น ฉากกลางคืนหรือในป่า นอกจากนี้ยังติดตั้งลำโพง JBL รุ่นใหม่ล่าสุดที่ลดจุดอับของเสียงในโรงภาพยนตร์ให้น้อยลง

5.ICONIC Dine in Cinema ประสบการณ์พิเศษกับการนั่งชมภาพยนตร์บนเก้าอี้ VIP Opera Chair แถวหลังสุด พร้อมกับเมนูอาหารเครื่องดื่ม จากร้านอาหารชื่อดัง เหมือนชมภาพยนตร์อยู่ที่บ้าน พร้อมปุ่มกดเรียกบริการจากพนักงานภายในโรงแบบส่วนตัว

เมเจอร์ ไอแม็กซ์ ไอคอน living room

6.Living Room Theatre บรรยากาศการดูหนังแบบส่วนตัว เสมือนดูหนังอยู่ที่บ้าน ด้วยรูปแบบ Private Party พร้อมบริการพรีเมียม พร้อมพื้นที่ส่วนตัวกับ Exclusive Lounge รับรองด้วยอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายและเมนูชั้นนำจากร้านอาหารชื่อดังที่นำมาเสิร์ฟในห้อง ราคาที่นั่งคู่ละ 4,000 บาท  ราคาเหมาทั้งห้อง 4.5 หมื่นบาท

เมเจอร์ ไอแม็กซ์ ไอคอน

7.Popcorn Bar  นำเสนอความหลากหลายของ Toping Flavors ป๊อปคอร์นสัญชาติไทย ตามคอนเซ็ปต์ของไอคอนสยาม อาทิ ป๊อปคอร์น รสสะเต๊ะ, รสน้ำยาปู  โดยจะมีรสชาติใหม่มานำเสนอทุกเดือน และมีเฉพาะที่ ไอคอน ซีเนคอนิค

สิ้นปี 2561 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะมีสาขาเปิดให้บริการรวม 160 สาขา 771 โรง 176,435 ที่นั่ง แบ่งเป็น สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล  43 สาขา 349 โรง 79,003 ที่นั่ง, สาขาต่างจังหวัด 110 สาขา 385 โรง 89,402 ที่นั่ง  และสาขาในต่างประเทศ 7 สาขา 37 โรง 8,030 ที่นั่ง  คาดยอดขายตั๋วชมภาพยนตร์ในประเทศไทยปีนี้อยู่ที่ 34 ล้านใบ เติบโต 10% รายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท

วิศรุต  พูลวรลักษณ์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
วิศรุต  พูลวรลักษณ์

“เจน2”เมเจอร์ฯ เสริมแกร่งเทคโนโลยี

สำหรับ วิศรุต  พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)  เป็นผู้บริหาร “เจนเนอเรชั่น 2” ของ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของคุณวิชา พูลวรลักษณ์ ผู้ก่อตั้งเมเจอร์ฯ โดยเริ่มเปิดโรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์ สาขาแรกที่ เมเจอร์ฯ ปิ่นเกล้า ในปี 2538

วิศรุต จบปริญญาตรี OP (Operations Research) และปริญญาโท  EMS (Engineering Management systems) จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐ ปัจจุบันอายุ 25 ปี เข้ามาทำงานที่เมเจอร์ฯ ตั้งแต่ปี 2559 หลังจบปริญญาโท

วิศรุต เล่าว่าการทำงานช่วงแรกเป็นการติดตามคุณพ่อ (คุณวิชา) ไปทุกที่ เพื่อศึกษารูปแบบการทำงานและการบริหารธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ถือเป็นธุรกิจหลักของเมเจอร์ฯ  โดยเข้าไปเรียนรู้การทำงานในทุกการประชุม และเรียนรู้งานในทุกแผนกของเมเจอร์ฯ

โดย คุณวิชา เคยเล่าว่าเขาใช้ระยะเวลากว่า 20 ปีในการสร้างธุรกิจ แต่ลูกๆ จะใช้เวลาเรียนรู้จากเขาทั้งหมดในเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น ดังนั้นหลังจากจบการศึกษาแล้ว จึงให้ลูกทุกคนเข้ามาเรียนรู้งานที่เมเจอร์ฯ ซึ่งมีธุรกิจหลากหลาย รวมทั้งธุรกิจส่วนตัวของเขา คือ โรงแรมและฟาสต์ฟู้ด แมคโดนัลด์

การเข้ามาทำงานที่เมเจอร์ฯเมื่อ 2 ปีก่อน  วิศรุต เล่าว่าได้รับมอบหมายให้ดูโครงการ ไอคอน ซีเนคอนิค ที่ไอคอนสยามเป็นโปรเจคแรก โดยงานหลักหลังจากนี้ คือการพัฒนาเทคโนโลยีระบบหลังบ้านของเครือเมเจอร์ฯสู่ระบบคลาวด์ทั้งหมด พร้อมทั้งพัฒนาเซอร์วิสต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ Consumer Journey

โดยมองว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมา หากเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ที่มียอดขายตั๋วชมภาพยนตร์กว่า 200 ล้านใบต่อปี มากกว่าประชากร 4 เท่า  ขณะที่ไทยมีอัตราการชมภาพยนตร์ 0.7 ครั้งต่อปีต่อคนเท่านั้น  โดยเมเจอร์ฯมียอดขายตั๋วในปีนี้อยู่ที่ 34 ล้านใบ เชื่อว่าอัตราการดูหนังของคนไทยต่อปียังมีโอกาสเติบโตได้     

Avatar photo