บอร์ด สปสช. จ่ายค่าบริการเพิ่มให้หน่วยบริการ 10 บาทต่อครั้ง ช่วยกระจายชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนใช้ตรวจโควิดด้วยตัวเอง พร้อมให้คำแนะนำการใช้ ติดตามผล พาเข้าระบบรักษากรณีติดเชื้อ
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 9/2564 มีมติเห็นชอบ จ่ายค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการกระจายชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit (ATK) หรือชุดตรวจ ATK ให้กับหน่วยบริการ เพื่อกระจายหรือแจกไปยังประชาชน ให้ตรวจโควิดด้วยตนเอง
ก่อนหน้านี้ บอร์ด สปสช. ได้มีมติเพิ่มชุดตรวจโควิด ATK วงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท ในแผนการจัดหาภายใต้โครงการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ปี 2564 และจ่ายให้แก่เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ (เครือข่ายโรงพยาบาลราชวิถี) ดำเนินการจัดหา เพื่อสนับสนุนชุดตรวจให้แก่หน่วยบริการในเครือข่ายและประชาชนนั้น
อย่างไรก็ตาม วงเงินดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะค่าอุปกรณ์ชุดตรวจ ดังนั้น เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับหน่วยบริการ หรือสถานพยาบาล บอร์ด สปสช.จึงมีมติจ่ายค่าบริการเพิ่มเติม สำหรับกระจายชุดตรวจโควิด ATK ไปยังประชาชน ในอัตรา 10 บาทต่อครั้งบริการ ภายใต้วงเงิน 85 ล้านบาท จากงบค่าบริการโควิด-19 ซึ่งจะเริ่มจ่ายหลังจากกระจายชุดตรวจไปยังประชาชนแล้ว
ทั้งนี้ อัตราค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะครอบคลุมกิจกรรมบริการ ได้แก่
1. การขอ Authentication code หรือการยืนยันตัวตนของประชาชนก่อนรับแจกชุดตรวจโควิด ATK ตามแนวทางที่ สปสช.กำหนด
2. ให้คำแนะนำในการใช้ชุดตรวจ
3. ติดตามผลตรวจ ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด
4. กรณีผู้ติดเชื้อ จัดระบบให้เข้าสู่การดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation : HI) หรือที่ชุมชน (Community Isolation : CI)
ส่วนวิธีการกระจายชุดตรวจนั้น อยู่ระหว่างการจัดทำ เบื้องต้น จะกระจายผ่านหน่วยบริการไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล รพ.สต.ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ร้านยา หรือแม้แต่การส่งทางไปรษณีย์หรือให้ Rider ขับไปส่ง โดยเน้นในพื้นที่สีแดงที่มีการระบาดมาก ๆ ก่อน
“หากตรวจแล้วผลเป็นบวก ประชาชนจะต้องติดต่อกลับมาให้หน่วยบริการดังกล่าว พาเข้าระบบ Home Isolation ดังนั้น เราจึงมีงบประมาณสนับสนุนให้ เนื่องจากหน่วยบริการจะมีภาระงานเพิ่ม” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
นอกจากนี้ บอร์ดสปสช. ยังมีมติเห็นชอบปรับการจ่ายชดเชยบริการสำหรับผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เนื่องจากข้อมูลของสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่า ที่ผ่านมาผู้ป่วยโรคไตที่ติดเชื้อโควิด-19 และต้องรับบริการล้างไตด้วยการฟอกเลือดนั้น มีปัญหาไม่สามารถเข้ารับบริการฟอกเลือดได้
ดังนั้น จึงมีข้อเสนอต่อ สปสช. เพื่อขอจ่ายชดเชยเพิ่มเติม ได้แก่ 1. ชุดตัวกรองเลือดแบบใช้ครั้งเดียว 2. อุปกรณ์ป้องกันฯ (PPE) สำหรับบุคลากร 3. ค่าบุคลากรการดูแลผู้ป่วยฯ
บอร์ด สปสช. จึงได้พิจารณา และเห็นชอบหลักการ ให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องรับบริการฟอกเลือดทุกราย เข้ารับบริการแบบผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิต โดยจะเบิกจ่ายจากงบค่าบริการโควิด-19
ส่วนกรณีที่หน่วยบริการไม่สามารถให้บริการแบบผู้ป่วยในได้ สปสช.จะมีการปรับการจ่ายต่าง ๆ ได้แก่
1. แยกค่าใช้จ่ายสำหรับตัวกรอง รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ แบบใช้ครั้งเดียว (Single use) ออกจากรายการค่าใช้จ่ายปกติ โดยเสนอเพิ่มรายการในแผน และวงเงินการจัดหาฯ ปี 2564 และต่อเนื่องไปปี 2565 เพื่อให้เครือข่ายหน่วยบริการโรงพยาบาลราชวิถี จัดหาและกระจายไปยังหน่วยบริการ
2. เพิ่มการจ่ายค่าชุดอุปกรณ์ป้องกันฯ (PPE) สำหรับบุคลากร
3. เพิ่มการจ่ายค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย รวมค่าทำความสะอาด นอกจากนี้ยังจะมีการทบทวนระเบียบ หรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียน เพื่อเพิ่มจำนวนหน่วยร่วมให้บริการล้างไตด้วยการฟอกเลือดให้มากขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชิ้น ต้องได้มาตรฐาน WHO
- เร่งดึงคลินิกเอกชนเข้าระบบ Home Isolation หวังกระจายยาเร็วขึ้น
- เช็คที่นี่!! สปสช. ปรับค่าดูแลผู้ป่วยโควิด ‘Home Isolation’ ลดค่าอาหาร-เพิ่มค่าออกซิเจน