ซิกน่าประกัยภัย เปิดเผยผลสำรวจ พบ อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น สามารถยกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคมได้ ประเทศฟื้นตัวเร็วขึ้น รวมถึงสุขภาพจิตคนในประเทศดีขึ้น
นายธีรวุฒิ สุธนะเสรีพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลสำรวจคะแนนสุขภาพและความเป็นอยู่แบบ 360° ฉบับล่าสุด ในเดือนมิถุนายน 2564 พบว่าการฉีดวัคซีน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภาวะความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลกในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น
ทั้งนี้ เห็นได้ชัดจากคะแนนความเป็นอยู่ที่มีตัวเลขสูงขึ้นในทุกมิติ โดยจากทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 1,700 ล้านโดส พบว่า ประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนส่วนใหญ่ มีดัชนีของความเป็นอยู่ที่ดีเพิ่มขึ้นทั้ง 5 ด้าน
ตัวเลขดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า นอกเหนือจากการจัดมาตรการป้องกันการติดต่อของโรคระบาดแบบต่าง ๆ การบริหารจัดการการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี ของประชาชนในประเทศ
ตัวอย่างเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา สเปน ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบว่ามีคะแนนความเป็นอยู่ สูงขึ้นกว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด ในทางกลับกัน บางประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำ พบว่ามีคะแนนความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่า เช่น ญี่ปุ่น (53.2) เกาหลีใต้ (54.0) และไต้หวัน (55.9)
ขณะที่ในเชิงของผลกระทบ จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส จากการศึกษา พบว่า คนในสังคม มีความตระหนักถึงผลกระทบทางด้านสุขภาพจิตมากขึ้น โดยกว่า 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า สุขภาพจิต ส่งผลต่อสุขภาพส่วนบุคคล และความเป็นอยู่ที่ดี และอีก 70% ตระหนักถึงเรื่องสุขภาพทางกายเป็นหลัก
ในปัจจุบัน การนำโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ หรือระบบ virtual healthcare มาใช้บำบัดสุขภาพจิต มีแนวโน้มการใช้งานที่สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับธุรกิจ และผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพ ในการนำนวัตกรรมดังกล่าว มาช่วยส่งเสริมให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้จากทุกทีโดยไม่ต้องเสี่ยงเดินทาง
นอกจากนี้ยังพบว่า ในขณะนี้ มีผู้ใช้งานระบบ virtual healthcare มากขึ้นถึง 89% ตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด และอีก 66% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า พวกเขาต้องการเข้าถึงบริการดังกล่าว ซึ่งคิดเป็นอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 71% สำหรับผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงอายุ 25-34 ปี
ในแง่ของสถานะทางการเงิน การระบาดของเชื้อไวรัส ยังคงส่งผลกระทบต่อผู้คนในสังคมอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ทำให้ผู้คนต่างกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการใช้จ่ายของตนเองและคนในครอบครัว เช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษา ภาระค่าผ่อนจ่ายต่าง ๆ ไปจนถึงสถานะทางการเงินเมื่อเกษียณอายุ
จากการศึกษา พบว่า จากจำนวนประชากรทั้งหมดในโลก มีเพียง 1 ใน 5 ส่วนเท่านั้น ที่คาดการณ์ว่าจะมีเงินออมเพียงพอสำหรับการเกษียณ ในขณะเดียวกัน มีเพียง 13% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 18-24 ปี ที่ยังคงรู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับการออมเงินในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม 28% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่า พวกเขาสามารถรักษามาตรฐานการครองชีพในปัจจุบันได้ ขณะที่ การนำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ที่เป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงการกระตุ้นการรับรู้ให้แก่คนในสังคม ถึงผลกระทบเชิงบวก ที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน และชุมชน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เริ่มสัปดาห์หน้า! อินโดนีเซียฉีด ‘วัคซีนโมเดอร์นา’ เข็ม 3 บุคลากรแพทย์ทั่วประเทศ
- ‘แลมบ์ดา’ ยังไม่เข้าไทย กรมวิทย์ฯ ยืนยัน มีระบบเฝ้าระวังเข้ม ยังไม่น่ากังวล
- ‘แพทยสภา’ หนุน ‘วัคซีน mRNA’ ย้ำประชาชนต้องได้ฉีดฟรี ตามรัฐธรรมนูญ