Business

รัฐบาลปลื้ม!! ‘เราชนะ – ม33 เรารักกัน’ ดันเงินสะพัดเฉียด 3 แสนล้านบาท

“โฆษกรัฐบาล” เผยโครงการ “เราชนะ” และ “ม33 เรารักกัน” มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแล้วเกือบ 3 แสนล้านบาท จากการใช้จ่ายของประชาชนกว่า 41 ล้านคน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่ คณะรัฐมนตรี อนุมัติมาตรการช่วยเหลือประชาชน โดยเพิ่มวงเงินเยียวยา 2,000 บาทต่อคน ในโครงการ “เราชนะ” สำหรับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มที่มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และโครงการ “ม33 เรารักกัน” ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ ประชาชนยังสามารถใช้จ่ายได้ถึง 30 มิถุนายน 2564 นั้น

โดยโครงการ “เราชนะ” มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิทั้งสิ้น 33.1 ล้านคน แยกเป็น

  • กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.7 ล้านคน
  • กลุ่มผู้มีแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง 8.4 ล้านคน
  • กลุ่มผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบเป๋าตัง 8.6 ล้านคน
  • กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ 2.4 ล้านคน
เราชนะ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้เป็นผู้ที่ใช้จ่ายครบวงเงินตามสิทธิ์ในโครงการแล้วมีจำนวน 17.6 ล้านคน โดย ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2564 โครงการ “เราชนะ” ทำให้มีการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วมูลค่ากว่า 257,997 ล้านบาท โดยผู้ประกอบกา รและผู้ให้บริการได้รับประโยชน์มากกว่า 1.3 ล้านร้านค้าและกิจการ แยกเป็น

มูลค่าการใช้จ่ายในร้านอาหารและเครื่องดื่มคิดเป็น 19.1% ของมูลค่าการใช้จ่ายทั้งหมด
ร้านธงฟ้าคิดเป็น 34.4%
ร้าน OTOP คิดเป็น 4.1%
ร้านค้าทั่วไปและอื่น ๆ คิดเป็น 40.4%
ร้านค้าบริการคิดเป็น 1.9%
ขนส่งสาธารณะคิดเป็น 0.1%

ขณะที่โครงการ “ม33 เรารักกัน” มี ผู้ได้รับสิทธิ์รวมทั้งสิ้น 8.14 ล้านคนมียอดใช้จ่ายสะสมแล้ว ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 กว่า 39,317 ล้านบาท ผ่านร้านค้าทั้งสิ้น 1.07 ล้านร้านค้า ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องการเพิ่มกำลังซื้อให้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวนกว่า 41 ล้านคน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ โครงการ “เราชนะ” และโครงการ “ม33 เรารักกัน” มีมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในเศรษฐกิจแล้ว 297,314 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่น ๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเพื่อช่วยผู้ประกอบการ อาทิ เช่น มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ซึ่งรัฐสภาได้ผ่าน พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 และ พ.ร.ก ซอฟต์โลน วงเงินรวม 350,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ

  • มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อวงเงิน 250,000 ล้านบาท
  • มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของภาคธุรกิจ เสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการ SME ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจตลอดเวลา เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 3 และโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นต้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่จะออกมาในครึ่งปีหลังนี้ด้วย หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดีขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo