Business

เทรนด์ส่งออก ‘สินค้าอาหาร-ทำงานที่บ้าน-ป้องกันโรค’ ดาวรุ่งพุ่งแรงยันปี 65

เทรนด์ส่งออก ปี 65 สินค้าอาหาร สินค้าที่ใช้อำนวยความสะดวกในการทำงานที่บ้าน และสินค้าป้องกันโรค ยังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงต่อเนื่อง ท่องเที่ยว-ฟุ่มเฟือย มีลุ้นครึ่งปีหลัง

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้วิเคราะห์และติดตามแนวโน้มการส่งออกไทยในปี 2564 พบว่า กลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มการขยายตัวได้ดี ได้แก่ สินค้ากลุ่มอาหาร สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานที่บ้าน และสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด และคาดว่า เทรนด์ส่งออก ปี 2565 สินค้า 3 กลุ่มนี้ ยังคงเป็นดาวรุ่ง ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนกว่าการฉีดวัคซีนจะกระจายได้ทั่วถึง

เทรนด์ส่งออก

สำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ สด แช่แข็งกระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแปรรูป เครื่องดื่ม สิ่งปรุงรสอาหาร น้ำผลไม้ และอาหารสัตว์ เป็นต้น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานที่บ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศเตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง

ในส่วนของ สินค้าโภคภัณฑ์ คาดว่า จะมีการฟื้นตัว หลังจากที่เศรษฐกิจโลก เริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ได้ตามปกติ ซึ่งเป็นตัวเร่งด้านราคา สำหรับสินค้ากลุ่มนี้ เช่น น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ปิโตรเคมี เหล็ก ยางพารา น้ำมันปาล์ม มันสำปะหลัง

ส่วนสินค้าที่จะกลับเข้าสู่วัฏจักรการผลิตเดิม หลังจากปัญหาโลจิสติกส์ผ่อนคลาย และกำลังซื้อของประเทศผู้นำเข้าสำคัญเพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐฯ จีน ยุโรป จากการมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จะทำให้มีความต้องการสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ยานยนต์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น

ด้านสินค้าที่ฟื้นตัวช้า จากผลกระทบที่รุนแรงของโควิด-19 น่าจะเห็นการกลับเข้าสู่ระดับปกติในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 เมื่อหลายๆ ประเทศมีการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องสำอาง นาฬิกา กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์สำหรับการเดินทาง เป็นต้น

ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์

นายภูสิตกล่าวว่า การส่งออกทั้งปี 2564 มีแนวโน้มโตกว่าเป้าหมาย 4% โดยปัจจัยสำคัญมาจากเศรษฐกิจของคู่ค้า ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทั้งสหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรป และการทำงานหนักของ กระทรวงพาณิชย์

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดแผนงาน ขับเคลื่อนการส่งออก เน้นนโยบายเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด อาหารไทยอาหารโลก กระตุ้นการค้าออนไลน์ การเร่งรัดการส่งออกในยุคนิวนอร์มอล โดยใช้นวัตกรรมใหม่ทางการตลาด เพื่อส่งเสริมตลาดเชิงรุกทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

พร้อมกันนี้ ยังได้เร่งรัดแก้ไขปัญหา อุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ ทั้งการแก้ปัญหาการค้าชายแดน ผ่านแดน โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปจีน การแก้ไขปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะถัดไป ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 จากการเกิดสายพันธ์ใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การการค้าโลก (WTO) มองว่า การฟื้นตัวของการค้าโลก อาจเกิดการชะงักงัน หากหลายประเทศไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึง

ขณะที่การเร่งการกระจายวัคซีน และการคลายล็อกดาวน์ที่เร็วขึ้น จะส่งผลให้การค้าโลกเติบโตเพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งจะกลับสู่แนวโน้ม ก่อนเกิดการแพร่ระบาด ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo