Economics

โฆษกรัฐบาล ย้ำ ‘พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน’ มีกรอบใช้ชัดเจน-โปร่งใส แก้เศรษฐกิจหลังโควิด

โฆษกรัฐบาล ย้ำ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน มีกรอบใช้ชัดเจน-โปร่งใส เพื่อแก้เศรษฐกิจหลังโควิด ส่วนเงินกู้ 1 ล้านล้าน เบิกจ่ายไปแล้ว 680,099 ล้านบาท

วันนี้ (29 พ.ค.)  นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 จำนวน 500,000 ล้านบาท ว่า พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว กำหนดแผนการใช้เงินกู้ไว้ชัดเจน ต้องใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ ภายใต้แผนงาน หรือโครงการตามบัญชีแนบท้ายพระราชกำหนด 3 แผนงาน ได้แก่

IMG 20210428141137000000 1

1.แผนงาน หรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับการแพทย์ และสาธารณสุข การวิจัย และพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ

2 .แผนงาน หรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา หรือชดเชย ให้แก่ประชาชนในทุกสาขาอาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ช่วยผู้มีอาชีพ และผู้ประกอบการ สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง

3. แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 170,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงาน โครงการ เพื่อรักษาระดับการจ้างงาน กระตุ้นการลงทุนและการบริโภค ในกรณีจำเป็น คณะรัฐมนตรี สามารถอนุมัติปรับกรอบวงเงินภายใต้แผนงานหรือโครงการเพื่อให้การใช้จ่ายเงินสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ เงินกู้ 500,000 ล้านบาท จะนำไปใช้เพื่อการอื่นนอกจาก 3 แผนงานไม่ได้อย่างเด็ดขาด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจเจตนาของรัฐบาล เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสังคมจากการระบาดของโรคโควิด-19 และมั่นใจเรื่องความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นเร่งด่วน ที่ต้องเตรียมงบประมาณเพิ่มเติม 500,000 ล้านบาท รองรับผลกระทบจากการระบาดในระลอกนี้ เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ กลับมาสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน ภายหลังจากการระบาดบรรเทาหรือยุติลง

กรอบวงเงินกู้ 500,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก นี้ เป็นกรอบวงเงินที่เหมาะสมดำเนินมาตรการทางการคลัง เพื่อดูแลด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ช่วยเหลือเยียวยา ตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดได้ ต่อเนื่องกับ พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2564–2565 ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้ประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 58.56 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการคลัง ตามที่รัฐบาลระมัดระวังการบริหารจัดการเงินกู้ ให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากล ยังคงมุมมองที่ดี ต่อภาคการคลัง ที่แข็งแกร่งของประเทศไทยด้วย

สำหรับความคืบหน้าการใช้จ่ายตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น

ครม.อนุมัติโครงการแล้ว จำนวน 287 โครงการ วงเงิน 817,223 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 680,099 ล้านบาท หรือร้อยละ 83.22 ของ วงเงินที่อนุมัติ ส่งผลให้จีดีพี ในปี 2563 มีอัตราตัวเลขที่หดตัวในปริมาณที่ดีกว่าที่หลายหน่วยงาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ไว้

ส่วนวงเงินที่เหลือ รัฐบาลเตรียมออกมาตรการเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจอื่น ที่ ครม.อนุมัติหลักการแล้ว เช่น โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 โครงการ ”ยิ่งใช้ยิ่งได้” โครงการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo