ฮอสพิเทล เชียงใหม่ ทะยอยเปิด รับสถานการณ์โควิด-19 ยังพุ่งต่อเนื่อง ทั้งโรงแรม มหาวิทยาลัย จับมือโรงพยาบาล ล่าสุดเปิดแล้ว 3 แห่ง ผู้ป่วยเริ่มทะยอยเข้ารักษา
สถานการณ์โควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ยังไร้แววคลี่คลาย โดยล่าสุดวันนี้ (22 เม.ย.) สำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ รายงาน ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 237 ราย รวมผู้ติดเชื้อในรอบการระบาดเดือนเม.ย. 2,819 ราย รักษาหายแล้ว 222 ราย และยังรักษาในโรงพยาบาล 2,597 ราย โดยไม่มีผู้เสียชีวิต ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ โรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งทางออกหนึ่งคือการเปิด ฮอสพิเทล เชียงใหม่ ที่ล่าสุดเปิดตัวแล้ว 3 แห่ง
PIH Hospitel ฮอสพิเทลแห่งแรกของเชียงใหม่
สำหรับ ฮอสพิเทลแห่งแรก ในจังหวัดเชียงใหม่ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยพายัพ ร่วมกับโรงพยาบาลแมคคอร์มิค เปิด “PIH Hospitel” พร้อมเริ่มรับผู้ป่วยชุดแรกเข้าดูแลรักษาแล้ว เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยโควิด เข้ารับการรักษาประมาณ 100 ราย
ทั้งนี้ PIH Hospitel เป็นฮอสพิเทล ขนาด 250 เตียง โดยปรับปรุง บ้านพักนานาชาติภราดรภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นฮอสพิเทล ภายใต้มาตรการการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยจะมีทีมแพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
อาจารย์อภิชา อินสุวรรณ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยพายัพ เล่าว่า การจัดตั้ง “PIH Hospitel” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือจังหวัดเชียงใหม่ คลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งเดิมตั้งใจว่า จะจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม แต่เมื่อทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ตรวจดูสถานที่แล้วเห็นว่า มีความพร้อมในการจัดตั้งเป็น ฮอสพิเทล มากกว่า และจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มี เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
ในการดำเนินการรองรับและดูแลผู้ป่วยโควิด-19 นั้น นอกจากนี้จะมีแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลแมคคอร์มิคดูแลตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังมีการวางระบบแยกขาดจากกันชัดเจน ไม่ให้มีการสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ตั้งแต่แรกรับ และตลอดช่วงที่เข้าพัก
ขณะที่การคัดกรองผู้ป่วยเข้าพักนั้น จะรับผู้ป่วยที่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ที่รักษาในโรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลสนาม ที่ให้ความเห็นยินยอมแล้วเท่านั้น โดยจะไม่รับผู้ป่วยตรงเองเด็ดขาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลครบ 14 วันแล้วให้กลับบ้าน แต่ต้องกักตัวสังเกตอาการต่อ
ส่วนอัตราราคาห้องพักนั้น ห้องพักแบบ Deluxe Room เตียงนอน King Size Bed จำนวน 24 เตียง รองรับผู้เข้าพักได้ 1 ท่าน ราคาห้องละ 2,000 บาทต่อคืน, ห้องพักแบบ Superior Room เตียงนอน Twin Bed จำนวน 48 เตียง รองรับผู้เข้าพักได้ 2 ท่าน ราคาห้องละ 2,400 บาทต่อคืน และห้องพักแบบ Standard Room เตียงนอน Twin Bed จำนวน 178 เตียง รองรับผู้เข้าพักได้ 2 ท่าน ราคาห้องละ 2,000 บาทต่อคืน อีกทั้งยังมีห้องสวีตหรือห้องสำหรับครอบครัวด้วย
แม่โจ้ จับมือรพ.สันทราย ปรับศูนย์ที่พักนานาชาติ
สำหรับ ฮอสพิเทล แห่งที่สอง เกิดจากความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับโรงพยาบาลสันทราย คณะพยาบาลศาสตร์ และวิทยาลัยนานาชาติมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปรับปรุงศูนย์ที่พักนานาชาติวิทยาลัยนานาชาติ ให้เป็น ฮอสพิเทล หรือ หอผู้ป่วยนอกพิเศษโรงพยาบาลสันทราย สำหรับพัก และกักตัวผู้สัมผัสเชื้อ 14 วัน ในกรณีที่สัมผัสเชื้อทั้งครอบครัว โดยเริ่มจากนักศึกษา และบุคลากรของมหาวิทยาลัยเป็นกลุ่มแรก
ศูนย์ที่พักนานาชาติวิทยาลัยนานาชาติ เป็นอาคาร 4 ชั้น ที่จัดเป็นห้องพักไว้ 70 ห้อง รองรับผู้ที่เดินทางมาพักในมหาวิทยาลัย แต่จะใช้เพียง 44 ห้องจัดทำเป็นห้องพักผู้ป่วย หรือ ฮอสพิเทล และหากผ่านขั้นตอนการพิจจารณา ก็พร้อมเปิดดำเนินการทันที โดยผู้ป่วยที่จะเข้าพัก ต้องผ่านการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลัก เป็นเวลาอย่างน้อย 4 -7 วัน ก่อนจะถูกส่งตัวมาพัก และต้องมีความสามารถในการดูแลตัวเอง ตลอดจนตกลงที่จะอยู่ในห้องพักหลังจากวันที่ออกจากโรงพยาบาลไปจนครบกำหนด 10 หรือ 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อและแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่น
รร.อโมราท่าแพ จับมือรพ.เทพปัญญา
ปิดท้ายด้วย การปรับตัวของธุรกิจโรงแรม ที่มองหาโอกาสสร้างรายได้ ในภาวะนักท่องเที่ยวหดหาย โดย โรงแรมอโมรา ท่าแพ ได้จับมือกับ โรงพยาบาลเทพปัญญา ปรับรูปแบบห้องพักเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในระยะพักฟื้น
นายแพทย์ พัฒนา โพธิ์สุยะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเทพปัญญา เปิดเผยว่า ฮอสพิเทลแห่งนี้ สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 120 เตียง เพื่อเป็นสถานที่พักรักษาตัวต่อจากโรงพยาบาลสนาม ซึ่ง ฮอสพิเทล ทุกแห่ง จะอยู่ภายใต้การดูแลและกำกับของสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มีแพทย์และพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ การให้บริการของ ฮอสพิเทล โรงแรมอโมรา ท่าแพ จะมีทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงแรมเทพปัญญาประจำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคอยติดตามและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคที่ครบครัน ทั้ง Wi-Fi อาหาร 3 มื้อ
ที่สำคัญคือมีความเป็นส่วนตัว สะดวกสบายและปลอดภัย ดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังมีปรอทวัดไข้ดิจิทัล เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด เครื่องวัดความดันโลหิตดิจิทัล และอุปกรณ์ที่จำเป็น ซึ่งภายหลังจากครบระยะการพักฟื้นสามารถนำกลับบ้านได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ฮอสพิเทล’ ทางเลือกที่ผู้ป่วยโควิดอยากได้ เพิ่มทางรอดธุรกิจโรงแรม
- ปฏิเสธ รพ.สนาม อยากไปรพ.-ฮอสพิเทล ผู้ป่วยโควิด กทม. ตกค้างอยู่บ้านอีก 600 ราย
- ‘Hospitel’ เปลี่ยนโรงแรมเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง บรรเทาวิกฤติเตียงรพ.เต็ม เช็ครายละเอียดที่นี่!
