พักทรัพย์พักหนี้ แสนล้าน ต่อลมหายใจธุรกิจท่องเที่ยว ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี คาดช่วยพยุงภาระหนี้ 9.1 หมื่นล้านบาท ชี้หนี้ NPL กลุ่มโรงแรมพุ่ง 22,000 ล้าน
นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) เปิดเผยว่า จากการประเมิน มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ และให้สิทธิ์ลูกหนี้ซื้อคืนทรัพย์สิน ภายใต้มาตรการ “พักทรัพย์พักหนี้” (Asset Warehousing) วงเงิน 1 แสนล้านบาท พบว่า วงเงินสินเชื่อในมาตรการดังกล่าว มีปริมาณใกล้เคียงกับยอดสินเชื่อ ที่มีความเสี่ยงในปัจจุบัน
สำหรับมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ จะเน้นให้ความช่วยเหลือ กลุ่มธุรกิจหลัก ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคโควิด-19 ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจบันเทิง ร้านอาหาร อพาร์ตเมนต์ หอพักให้เช่า
ทั้งนี้ จากข้อมูลคุณภาพสินเชื่อธุรกิจ ณ สิ้นปี 2563 พบว่า มูลค่าสินเชื่อความเสี่ยง เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (Stage 2) โดยธุรกิจโรงแรมมีมูลค่ารวม 54,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับยอดสินเชื่อในธุรกิจท่องเที่ยว หอพัก ความบันเทิง กีฬา และ ร้านอาหาร จะทำให้มูลค่าสินเชื่อ Stage 2 มียอดรวมกันอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท
ขณะที่สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ของธุรกิจโรงแรม อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับธุรกิจอื่น ๆ จะมียอด NPL รวมกันสูงถึง 38,000 ล้านบาท
ในส่วนของเงื่อนไขการเข้าร่วมมาตรการในครั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจ ต้องมีหลักทรัพย์เป็นหลักประกัน รวมถึงความสมัครใจของธุรกิจ ในการดำเนินกิจการต่อไปในระยะ 5 ปีข้างหน้า ทำให้ธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวทั้งหมด ที่ต้องการความช่วยเหลือ มียอดสินเชื่อสูงใกล้เคียงระดับวงเงินที่ได้รับการอนุมัติ 1 แสนล้านบาท จึงทำให้มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ เป็นมาตรการที่เน้นให้ความช่วยเหลือธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การให้ความช่วยเหลือผ่านมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ เป็นประโยชน์โดยตรงต่อธุรกิจ SMEs เนื่องจากในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ และมีปัญหาในการชำระหนี้ จากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจ SMEs
เห็นได้จากยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในธุรกิจโรงแรม มาจากกลุ่ม SMEs มูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 99% ของสินเชื่อ NPL ในธุรกิจโรงแรมทั้งหมด
ส่วนธุรกิจ SMEs กลุ่มท่องเที่ยวอื่น ๆ มีสัดส่วนสินเชื่อ NPL ที่สูงเช่นกัน โดยมีมูลค่า 1,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 99% ของยอดสินเชื่อ NPL รวมทั้งหมดในธุรกิจท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า สินเชื่อ Stage 2 กลุ่มธุรกิจ SMEs มีสัดส่วนสินเชื่อมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว โดยมีมูลค่าสินเชื่อ 48,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 89% ของสินเชื่อ Stage 2 ในธุรกิจโรงแรมทั้งหมด
ส่วนธุรกิจร้านอาหาร SMEs มีมูลค่าสินเชื่อ 8,100 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 82% ของสินเชื่อ Stage 2 ทั้งหมด
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลงบการเงินปี 2562 โดยใช้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) กับความสามารถในการทำกำไรของกิจการ (Profitability) ประเมินธุรกิจที่มีโอกาสจะเข้าสู่โครงสร้างพักทรัพย์พักหนี้ ซึ่งเรียกว่า “กลุ่มเสี่ยง” ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีปัญหาภาระหนี้สูง พบว่า ธุรกิจโรงแรมที่มี D/E สูงกว่า 2.5 เท่า มีจำนวนกลุ่มเสี่ยงถึง 4,315 ราย มีหนี้สินตามงบการเงินอยู่ประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท
เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน โดยเฉพาะหอพัก อพาร์ตเมนต์ ที่มี D/E สูงกว่า 2.9 เท่า จำนวนกลุ่มเสี่ยง 4,209 ราย และมีหนี้สิน 1.5 หมื่นล้าน ส่วนธุรกิจบันเทิง กีฬา สปา มี D/E สูงกว่า 0.8 เท่า จำนวนกลุ่มเสี่ยง 4,005 ราย หนี้สิน 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อแยกพิจารณาตามขนาดธุรกิจ สามารถแบ่งได้ ดังนี้
- ธุรกิจ SMEs นิติบุคคล จำนวนกลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ 18,567 ราย คิดเป็นสัดส่วน 45% ของจำนวน SMEs ทั้งหมด ประเภทธุรกิจที่มีกลุ่มเสี่ยงสูงได้แก่ โรงแรม (55%) รองลงมาคือธุรกิจนำเที่ยว (44%) และกลุ่มธุรกิจบันเทิง กีฬา สปา หอพักอพาร์ตเมนต์ ร้านอาหาร (42%)
- ธุรกิจขนาดใหญ่ จำนวนกลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ 83 ราย คิดเป็นสัดส่วน 40% ของธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยประเภทธุรกิจที่มีกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจนำเที่ยว (68%) รองลงมาคือ ธุรกิจบันเทิง/กีฬา/สปา (46%) และโรงแรม/ร้านอาหาร (35%)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จับตามาตรการ ‘โกดังเก็บหนี้’ ต่อลมหายใจธุรกิจโรงแรม ฝ่าโควิด
- กุมขมับ! หนี้ครัวเรือนไทยแตะ 14 ล้านล้าน คาดปีนี้โตต่อ ส่อทะลุ 90% ต่อ GDP
- World Bank ชี้โควิด-19 ฉุด ‘คนไทย’ 1 ล้านคนสู่ความยากจน