Business

สงกรานต์ปีนี้ หนักเกินคาด เงินสะพัดเบา 1.1 แสนล้าน ต่ำสุดในรอบ 9 ปี

สงกรานต์ปีนี้ หนักเกินคาด เงินสะพัด 1.1 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเดิมที่คาดไว้ 1.4 แสนล้านบาท และต่ำสุดในรอบ 9 ปี คนกังวลโควิด ไม่กล้าใช้เงิน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากผลสำรวจพฤติกรรม และการใช้จ่ายของประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2564 จำนวน 1,256 ตัวอย่าง พบว่า สงกรานต์ปีนี้ หนักเกินคาด ประมาณการณ์เงินสะพัด 1.12 แสนล้านบาท ซึ่งลดลง 16.6% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ปี 2562

สงกรานต์ 20

 

 

นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2556 ที่มีมูลค่าการใช้จ่าย 114,119 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ไม่นับการจับจ่ายในสงกรานต์ปี 2563 เนื่องจากเป็นปีที่ประเทศไทยงดการจัดกิจกรรมสงกรานต์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ก่อนหน้านี้ ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดการณ์ว่า จะมีการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท แต่จากผลกระทบของโตวิด-19 และการงดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์บางส่วน ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ทำให้ต้องประเมินการใช้จ่ายช่วงเทศกาลสงกรานต์ใหม่ และพบว่าลดเหลือเพียง 1.1 แสนล้านบาท หรือลดลง 30,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การสำรวจพบว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศงดกิจกรรมการเล่นสาดน้ำ ทำให้ประชาชนหันไปวางแผนทำบุญ, ทำอาหารอยู่กับบ้าน, รดน้ำดำหัวและเยี่ยมญาติผู้ใหญ่

ขณะที่การวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ยังคงใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในหลายพื้นที่ ส่งผลกับความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเงิน ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาล

สงกรานต์2

 

สำหรับเม็ดเงินที่คาดว่าจะลดลง เป็นผลมาจากพฤติกรรมคนไทย มีการใช้จ่ายลดลง เนื่องจากต้องการประหยัด เน้นการเดินทางท่องเที่ยว ระยะสั้น 3-5 วัน

อย่างไรก็ตาม พบว่า เริ่มมีบรรยากาศการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะไปเที่ยวทางภาคใต้เพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล ทั้ง โครงการเราชนะ คนละครึ่ง ขณะที่ภาพรวมคนยังนิยมเดินทางรถยนต์ยังเป็นตัวหลัก

ด้านทิศทางเศรษฐกิจเวลานี้ มองว่ามาตรการของรัฐ ยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ขณะที่ประชาชนยังมีความกังวลต่อโรคโควิด-19 ระมัดระวังการใช้จ่าย และมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจยังไม่เห็นสัณญาณการฟื้นตัว และประชาชนมองว่าเศรษฐกิจปี 2564 จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3

ดังนั้น รัฐบาลยังมีความจำเป็นที่ จะต้องกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคนละครึ่งเฟส 3 เร่งใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงระหว่างวัน

สงกรานต์1

นอกจากนี้ มองว่ารัฐบาลยังมีความจำเป็นดูแลเรื่องของภาษี ซึ่งหอการค้าสนับสนุนให้รัฐบาลยังคงอัตราเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ร้อยละ 7 อย่างน้อยเป็นเวลา 2 ปี เพราะยังมีความจำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในเวลานี้

สำหรับแผนการเปิดแซนด์บ็อกซ์ ภูเก็ต-สมุย ของรัฐบาล ด้วยการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มโดยไม่ต้องกักตัว รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความกังวล เนื่องจากคนไทยบางส่วนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ดังนั้น หอการค้าสนับสนุนแนวคิดของ ภาคเอกชนหอการค้าไทย ที่จะให้รัฐบาลมีการส่งเสริมเรื่องฉีดวัคซีน โดยการเปิดโอกาสให้เอกชน เข้ามาช่วยรัฐบาลในการเสริมฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ดังนั้นการเปิดแซนด์บ็อกซ์ ในเดือนกรกฎาคม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีน ให้กับประชาชน ในจังหวัดภูเก็ตก่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo