Business

เตือนอย่าหาทำ! กรมพัฒน์ฯ ตรวจเข้ม ‘นอมินี’ ท่องเที่ยว-อสังหาริมทรัพย์-ล้ง พุ่งเป้า 9 จังหวัด

ตรวจเข้ม นอมินี ปี 64 กรมพัฒน์ฯ พุ่งเป้า “ท่องเที่ยว-อสังหาริมทรัพย์-ล้ง” จับตา 9 จังหวัด ล่าสุดลงภูเก็ต เชียงใหม่ เจอเข้าข่าย 11 ราย รวมกว่า 200 ล้านบาท 

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า แผนการตรวจสอบนิติบุคคลที่น่าสงสัย ว่าอาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นความผิด เกี่ยวกับการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว หรือ นอมินี ในปี 2564 โดยจะ ตรวจเข้ม นอมินี เน้นกลุ่มมธุรกิจเป้าหมาย 3 ประเภทธุรกิจ คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับการเกษตร (ล้ง)

ตรวจเข้ม นอมินี

ทั้งนี้ จะเน้นในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต, เชียงใหม่, สุราษฎร์ธานี, กระบี่, ชลบุรี, ระยอง, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร

จากการลงพื้นที่ ตรวจสอบแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ตและเชียงใหม่ เบื้องต้นพบพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายนอมินี ของผู้ถือหุ้นคนไทยจำนวน 11 ราย โดยถือหุ้นร่วมกับคนต่างด้าว ในหลายบริษัท มูลค่าหุ้นรวมกว่า 200 ล้านบาท

ล่าสุด กรมฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม เกี่ยวกับที่มาของแหล่งเงินทุน การถือครองหุ้น ในแต่ละช่วงเวลา และอาจต้องส่งข้อมูลให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนในเชิงลึกต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่แพร่กระจายในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจจำนวนมาก ทำให้ต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่ไม่มีนักท่องเที่ยว เดินทางท่องเที่ยวเช่นเดิม

ดังนั้น กรมพัฒน์ฯ และหน่วยงานพันธมิตร ได้ปรับแผนการตรวจสอบ โดยจะเน้นตรวจสอบเชิงแนะนำ การปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การขออนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว รวมถึงมีการติดตาม และประเมินสถานการณ์ การแพร่ระบาดก่อนดำเนินการต่อไป

ทศพล ทังสุบุตร
ทศพล ทังสุบุตร

“ถ้าตรวจพบการกระทำผิด จะส่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทุกราย เพื่อปราบปราม ไม่ให้มีการใช้ตัวแทนอำพราง และอาจลงพื้นที่เดิมซ้ำ หรือพื้นที่อื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย”นายทศพล กล่าว

สำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเป็นนอมินี ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ มีคนไทยยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือที่ปรึกษากฎหมาย แนะนำให้หลีกเลี่ยงกฎหมาย และจากฐานข้อมูลพบว่า มีคนไทยถือหุ้นในกิจการร่วมกับคนต่างด้าว ในหลาย ๆ กิจการ ซึ่งเป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับที่มาของแหล่งเงินทุน ของคนไทยรายดังกล่าว

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องนอมินี ยังเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้าง หากไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ จะทำให้ไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ และสูญเสียรายได้เป็นอย่างมาก

“ขอเตือนคนไทย ที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจ โดยหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนกฎหมาย คนไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว ในลักษณะนอมินี รวมทั้ง กรรมการบริษัท ก็ต้องรับผิดด้วย”นายทศพล กล่าว

การกระทำความผิดเข้าข่าย นอมินี มีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 – 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน

ด้านผลการตรวจสอบนอมินีในปี 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม รีสอร์ท โดยกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ได้บูรณาการการตรวจสอบ ร่วมกับ กรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ และตำรวจท่องเที่ยว ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และเป็นแหล่งที่มีคนต่างชาติมาลงทุน

ขณะที่ผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบนิติบุคคลน่าสงสัย ว่าอาจมีพฤติกรรมเข้าข่าย เป็นความผิดนอมินี จำนวน 3 ราย ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง 2 ราย (จังหวัดชลบุรีและเชียงใหม่) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1 ราย (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)

หลังจากนี้ ได้ส่งข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวน สอบสวนเชิงลึกเพิ่มเติม เช่น ตรวจสอบความสัมพันธ์ ของคนไทยกับชาวต่างชาติ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตรวจสอบการจ่ายชำระภาษี เป็นต้น

หากพบว่า เข้าข่ายเป็นความผิดนอมินี กรมฯ จะร้องทุกข์กล่าวโทษ ตามขั้นตอนของกฎหมาย หรือหากธุรกิจที่กระทำความผิด มีมูลค่าสินทรัพย์ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับเป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo