Business

‘สามารถ’ บอกเลย! ไม่เคยคิดว่า เขาจะกล้าล้มประมูล ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’

“สามารถ” จับตาประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ วันนี้ (3 ก.พ.) บอกเลย! ไม่เคยคิดว่า เขาจะกล้า ล้มประมูล “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” แบบไม่รอศาลฯ วินิจฉัย

จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า วันนี้ (3 ม.ค.) คณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรมแห่งประเทศไทย จะประชุมหาข้อสรุปเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยอาจจะเสนอให้ยกเลิกการยื่นซองประมูลเมื่อปี 2563 และเปิดประมูลใหม่ ภายใต้เงื่อนไขใหม่นั้น

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ – Dr.Samart Ratchapolsitte ระบุว่า ถ้าหากวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติให้ ล้มประมูล รถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยไม่รอฟังคำวิจัยฉัยจากศาลปกครองสูงสุดจริง จะนับเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญชาญชัยแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในการประมูลเมกะโปรเจ็คของประเทศไทย

รถไฟฟ้าสายสีส้ม ล้มประมูล

ผมไม่คิดว่า เขาจะกล้าล้มสายสีส้ม!

เป็นข่าวเกรียวกราวตั้งแต่ค่ำวานนี้ (วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564) ว่าเช้าวันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2564) จะมีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม เพื่อพิจารณายกเลิกการประมูลที่มีการยื่นข้อเสนอการร่วมลงทุนไปในเดือนพฤศจิกายน 2563

การประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีเอกชนซื้อเอกสารสำหรับคัดเลือกเอกชน (RFP) จำนวน 10 ราย มีเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ขอให้คณะกรรมการฯ เปลี่ยนหลักเกณฑ์การประเมินหลังจากปิดการขายเอกสาร RFP แล้ว แต่อีก 9 ราย ไม่ขอให้เปลี่ยน ซึ่งในที่สุด รฟม.ได้ยอมเปลี่ยนหลักเกณฑ์ตามการร้องขอของเอกชนเพียงรายเดียวแล้วเสร็จภายในเวลา 2 สัปดาห์

หลักเกณฑ์เดิมคณะกรรมการฯ จะต้องพิจารณาความสามารถด้านเทคนิคของเอกชนก่อนโดยกำหนดเกณฑ์สอบผ่านไว้สูงถึง 85% หากสอบผ่านจึงจะพิจารณาข้อเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐ ถือว่าเป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมดีมากอยู่แล้ว แต่หลังจากปิดการขายซองประกวดราคาแล้ว รฟม. เปลี่ยนไปใช้เกณฑ์ใหม่ กล่าวคือ พิจารณาความสามารถด้านเทคนิคและด้านผลตอบแทนให้แก่รัฐพร้อมๆ กัน ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งอาจทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐมากที่สุดไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลก็ได้ ส่งผลให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจำนวนมากเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน

ที่ผ่านมา รฟม. ได้คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ซึ่งเป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ไม่เคยมีการก่อสร้างในประเทศไทยมาก่อน โดย รฟม.ไม่เคยนำความสามารถด้านเทคนิคมารวมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนให้แก่รัฐ แต่พิจารณาแยกกัน กล่าวคือหากผู้ยื่นข้อเสนอรายใดสอบผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิค ก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านผลตอบแทนให้แก่รัฐ ใครเสนอมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล ปรากฏว่า รฟม. สามารถคัดเลือกได้ผู้ชนะการประมูลที่มีความสามารถด้านเทคนิคสูงและเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐมากที่สุด ทำให้การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ประสบความสำเร็จมาทุกโครงการ

146036444 2277160449095512 2393220545107293036 o

หน่วยงานอื่น เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก็ใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโดยพิจารณาความสามารถด้านเทคนิคก่อน หากได้คะแนนตามที่กำหนดไว้ จึงจะพิจารณาผลตอบแทน ใครให้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล ยกตัวอย่างเช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่ภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทยไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และใช้วงเงินลงทุนสูง แต่ รฟท. ก็ไม่ได้พิจารณาความสามารถด้านเทคนิครวมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนให้แก่รัฐ ดังเช่นที่ รฟม. กำลังทำอยู่ในขณะนี้

นอกจากนี้ยังมีโครงการขนาดใหญ่อื่นอีกหลายโครงการที่พิจารณาด้านเทคนิคก่อน หากได้คะแนนตามที่กำหนดไว้ จึงจะพิจารณาผลตอบแทน ใครให้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล เช่น โครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 (สายอีสาน) และหมายเลข 81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นต้น

เมื่อมีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์กลางอากาศเช่นนี้ เอกชนที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั่นคือ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสได้ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งในที่สุดศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้ทุเลาการใช้หลักเกณฑ์ใหม่ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น นั่นหมายความว่า รฟม. ไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์ใหม่ในขณะนี้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ประมูล รถไฟฟ้าสายสีส้ม

หลังจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะกรรมการฯ และ รฟม.) ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งขณะนี้ศาลปกครองสูงสุดกำลังพิจารณาวินิจฉัยคำอุทธรณ์อยู่ตามที่ผู้บริหารของ รฟม.ได้แถลงเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ขณะนี้ รฟม.รอคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด คาดว่าจะใช้เวลาราว 2 เดือน จะได้ข้อยุติ มั่นใจว่า รฟม.จะสามารถเจรจาข้อเสนอกับเอกชนที่ยื่นประมูลทั้ง 2 รายได้เร็ว (ซื้อเอกสาร RFP 10 ราย แต่ยื่นข้อเสนอเพียง 2 ราย) และสามารถสรุปผลการคัดเลือกได้ตัวเอกชนภายในเดือนมีนาคมนี้ เพราะจะใช้เวลาพิจารณาไม่มาก เนื่องจากมีเพียง 2 ราย มั่นใจว่าจะเปิดเดินรถได้ตามเป้าหมาย”

จากถ้อยแถลงของผู้บริหาร รฟม. สรุปได้ว่าการรอคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดไม่ทำให้การบริหารโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ได้รับความเสียหาย ด้วยเหตุนี้ ถามว่าแล้วทำไมจึงจะมีการประชุมในเช้าวันนี้เพื่อพิจารณายกเลิกการประมูล แล้วเปิดประมูลใหม่โดยใช้หลักเกณฑ์ใหม่ และให้ถอนอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลาง เหตุใดจึงไม่รอคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด?

หากที่ประชุมคณะกรรมการฯ ในเช้าวันนี้มีมติให้ยกเลิกการประมูล แล้วเปิดประมูลใหม่ ผมถือว่าเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญชาญชัยจริงๆ แบบไม่เคยมีมาก่อน

ข้อสงสัยและข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo