Business

โควิดระลอกใหม่ ท่องเที่ยวตกงานกว่า 2 ล้านคน ชงตั้ง ‘ธนาคารแรงงานภาคท่องเที่ยว’

โควิดระลอกใหม่ พ่นพิษภาคท่องเที่ยว สทท. คาดตกงานเพิ่มกว่า 2 ล้านคน ธุรกิจปิดกิจการก่อนอุตสาหกรรมฟื้นตัว ชงรัฐสร้างธนาคารแรงงานภาคท่องเที่ยว

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้แรงงานภาคการท่องเที่ยวกว่า 4 ล้านคน ได้รับผลกระทบ ทั้งจากการถูกพักงานชั่วคราวและถูกลดเงินเดือน ซึ่ง โควิดระลอกใหม่ อาจจะทำให้แรงงานในภาคการท่องเที่ยวตกงานมากกว่า 2 ล้านคน

โควิดระลอกใหม่

ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่มีทุนพอ ที่จะรักษาการจ้างงานได้อีกต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจาก สทท.คาดว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างแพร่หลายแล้ว และการท่องเที่ยวจะสามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ผู้ ประกอบการท่องเที่ยว อาจปิดกิจการไปแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เสียโอกาสในการที่จะให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นกลไกในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

ล่าสุด สทท. ได้จัดทำดัชนีความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไตรมาส 4/2563 พบว่า อยู่ที่ระดับ 62 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3/63 ที่ 60 เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับอานิสงส์ จากโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวของภาครัฐ เช่น โครงการกำลังใจ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง ที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่น คาดการณ์ไตรมาส 1/2564 เท่ากับ 53 เป็นการคาดการณ์ที่ต่ำกว่าระดับปกติมาก และคาดว่าต่ำกว่าไตรมาส 4/2563 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น ช่วงปลายไตรมาส 4/2563 และคาดว่าใช้เวลา 1-1.5 เดือนจึงจะควบคุมสถานการณ์ได้

ดังนั้น สทท. เห็นว่า จำเป็นต้องสร้าง Tourism Labor Bank หรือธนาคารแรงงานภาคท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ที่ถูกเลิกจ้างหรือผู้ถูกพักงาน สามารถสมัครเข้ามาเพื่อหาโอกาสในการทำงาน และผู้ประกอบการ สามารถเข้ามาเลือกจ้างผู้ที่มีทักษะตรงกับความต้องการได้

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์
ชำนาญ ศรีสวัสดิ์

สำหรับแรงงานที่ยังเหลืออยู่ จะได้รับการแนะนำเพื่อไปพัฒนาทักษะ Up skill / Re skill และเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ ซึ่ง สทท.ได้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ ให้เข้ามาสนับสนุนงบประมาณสำหรับ Tourism Labor Bank

ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธาน สทท. กล่าวเพิ่มเติมว่า จำเป็นต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินกิจการไว้ เพราะยังมีบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่มากกว่า 3 ล้านคน และเมื่อผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่จะเข้ามา

ขณะที่ผู้ประกอบการและพนักงาน จะต้องปรับตัว และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของตน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างและกระจายรายได้ให้กับประเทศ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จนถึงสภาวะปกติในอีก 2 ปีข้างหน้า

พร้อมกันนี้ สทท.จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐ ช่วยประคองผู้ประกอบการ ให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ด้วยมาตรการเยียวยาต่าง ๆ ทั้งการช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มสภาพคล่อง และเสริมรายได้ เช่น มาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 2 ปี มาตรฐานเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ที่ผู้ประกอบการเข้าถึงได้ และมาตรการ Co-pay หรือการที่ภาครัฐช่วยจ่ายค่าจ้างสำหรับผู้ประกอบการในระบบประกันสังคมที่ยังคงจ้างงานอยู่เป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น

ด้าน นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ รองประธาน สทท. กล่าวว่า หลังจากที่ประเทศไทย สามารถควบคุมการแพร่ระบาดรอบใหม่ได้แล้ว มาตรการแรกที่ต้องทำ คือการกระตุ้นไทยเที่ยวไทย เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ครอบคลุมสินค้าการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ การกระตุ้นการเดินทาง และจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐ องค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถาบันการศึกษา การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบพรีเมียมเชิงสร้างสรรค์

ขณะเดียวกัน ควรจัดให้มีคณะทำงานร่วมระหว่างภาครับและเอกชน ในการขับเคลื่อนไทยเที่ยวไทยอย่างจริงจัง โดยแผนงานต่าง ๆ นั้น ต้องเริ่มทำตั้งแต่ช่วงนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว เกิดความพร้อม เกิดสินค้าทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ยกระดับมาตรฐาน และมีศักยภาพพอ ที่จะรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo