กรมบังคับคดี แจ้งเจ้าหนี้ “สายการบินนกสกู๊ต” ยื่นขอรับชำระหนี้ภายใน 23 ก.พ.นี้ หลัง ศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ไปเมื่อ 30 พ.ย. 2563
นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ในคดีล้มละลาย ของศาลล้มละลายกลาง คดีหมายเลขแดงที่ ล.5781/2563 ระหว่าง นางสาวณัฐรส ตั้งประสิทธิ์ และนางสาวณัฏฐ์รดา เรืองวุฒิฐิติกุล ในฐานะผู้ชำระบัญชีร้องขอให้ บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเพื่อให้บรรดาเจ้าหนี้ของบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งจะครบกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 16.30 น.
กรมบังคับคดี จึงประกาศแจ้งให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย มาดำเนินการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว โดยขอให้ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามแบบพิมพ์ของกรมบังคับคดี (ล.29) แสดงรายละเอียดแห่งหนี้สิน และหลักฐานประกอบหนี้ รวมทั้งทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ได้ยึดไว้เป็นหลักประกันหรือตกอยู่ในความครอบครองของเจ้าหนี้ โดยแนบเอกสารหลักฐานมาด้วย ซึ่งเจ้าหนี้สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ที่กรมบังคับคดี และสำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบังคับคดีล้มละลาย 2 หมายเลขโทรศัพท์ 0 2881 4377, 0 2881 4999 ต่อ 4202 และ 0 2881 5052 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 เว็บไซต์กรมบังคับคดี www.led.go.th
เมื่อเดือนมิ.ย. 2563 สายการบินนกสกู๊ต ได้ส่งหนังสือแจ้งสื่อ ขณะนั้นว่า สายการบินนกสกู๊ต รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่จะประกาศให้ทราบว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) ของบริษัทได้มีมติ “เลิกกิจการ” หลังจาก นกสกู๊ต เป็นสายการบินราคาประหยัดของประเทศไทย เป็นการร่วมทุนระหว่าง สายการบินนกแอร์ ของคนไทย และ สายการบินสกู๊ต จากประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งเมื่อปี 2557
“นกสกู๊ต ได้ดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงข้อจำกัดในการขยายเครือข่ายการบินภายใต้สภาพแวดล้อมการแข่งขันที่รุนแรงและการระบาดของโควิด-19 ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้บอร์ดของบริษัทจึงไม่เห็นหนทางสู่การฟื้นตัว และการเติบโตที่ยั่งยืนของสายการบินอีกต่อไป “ คำชี้แจง ขณะนั้น ซึ่งก็มีพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง 425 คน ได้ชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานถูกต้อง
ในการประชุมผู้ถือหุ้นสายการบินนกแอร์ เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2561 อนุมัติวงเงินกู้ยืม 490 ล้านบาท ให้แก่บริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่นกแอร์ถือหุ้นอยู่ 49 % และอนุมัติการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด โดยนกมั่งคั่งจะนำเงินกู้ยืมจากบริษัทไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของสายการบินนกสกู๊ต การเพิ่มทุนของนกสกู๊ต ขณะนั้นต้องการนำไปเช่าซื้อเครื่องบนิเพิ่มเป็น 19 ลำ ในปี 2563 จากที่มีอยู่ 4 ลำ
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นนกสกู๊ต ก่อนที่จะเกิดปัญหาเลิกกิจการ ถือหุ้นโดย นกมั่งคั่ง 49% สิงคโปร์แอร์ไลน์ 49% และบริษัทเพื่อนน้ำมิตร 2% ส่วน นกมั่งคั่ง ถือหุ้นโดยนายพาที สารสิน และนกแอร์ ฝ่ายละ 50%
อ่านประกอบ (ข้อมูลเมื่อปี 2561) บอร์ดนกแอร์จ่อโละผู้ถือหุ้น ‘นกมั่งคั่ง-นกสกู๊ต’
ส่วน นกแอร์ ปัจจุบันถือหุ้นโดย กลุ่มจุฬางกูร รวมกันจำนวน 74.96% การบินไทย 13.28 %
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ด่วน! ‘สายการบินนกสกู๊ต’ แจ้งปิดกิจการ เลิกจ้าง 425 ชีวิต
- ‘การบินไทย’ หยุดสมทบ ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ’ 6 เดือน ยื้อเงินสดสู้โควิดรอบ 2
- การบินไทยขายหุ้น BAFS ให้ราชกรุ๊ป 15.53% ตามแผนฟื้นฟู