Business

ป้องกัน ‘เงินหายจากบัญชีธนาคาร’ แก้กลโกงมิจฉาชีพออนไลน์ ‘สติ’ ต้องมา!

เงินหายจากบัญชีธนาคาร ภัยบนโลกออนไลน์ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จากสารพัดกลโกง แนะวิธีทำธุรกรรมการเงิน อย่างระมัดระวัง มีสติก่อนคลิก ห้ามกรอกข้อมูลก่อนตรวจสอบ

จากกรณีเกิดข่าวบ่อยครั้ง เรื่อง เงินหายจากบัญชีธนาคาร เหยื่อมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการหลอกลวงปลอมแอปพลิเคชั่นธนาคาร หลอกให้เหยื่อใส่ข้อมูลส่วนตัว หรือแฮกข้อมูลจากคนรู้จัก แล้วส่งข้อความหลอกให้ใส่ข้อมูล หรือกดยอมรับ ที่เราเห็นว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเงิน แต่แฮกเกอร์สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินของเราได้ จะรู้ก็ต่อเมื่อ สูญเงินในบัญชีธนาคารไปแล้ว

เงินหายจากบัญชีธนาคาร

การหลอกลวงเงินจากบัญชีธนาคาร ที่พบเห็นผู้ตกเป็นเหยื่อ มีสารพัดกลโกง ที่มิจฉาชีพนำมาใช้ โดยเฉพาะจากช่องทางการถอนเงินอย่าง ตู้เอทีเอ็ม, แอปพลิเคชั่นธนาคารบนมือถือ หรือโมบายแบงกิ้ง ไปจนถึงคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร ที่สามารถถอนเงินของเราไปได้ ด้วยการสั่งโอนเงิน หากรู้ข้อมูลส่วนตัว

สิ่งสำคัญที่สุด ในการปกป้องเงินในธนาคารของเราเองคือ ต้องมีสติ อย่าหลงเชื่อ หรือกรอกข้อมูลใดๆ รวมถึงระมัดระวังในการทำธุรกิจการเงิน ทั้งที่ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม และบนมือถือ โดยได้รวบรวมวิธีป้องกันเงินหายจากบัญชีธนาคารมาไว้ดังนี้

กรณีทำธุรกรรมบนมือถือ

มี 7 ข้อแนะนำจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ ดังนี้

  • ตั้งสติ ระวัง สังเกต อย่าเชื่อง่าย ไม่ว่าข้อความจะมาจากใคร หรือช่องทางใดก็ตาม
  • ไม่กรอก ข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น หมายเลขบัตรประชาชน บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัญชีธนาคาร วันเดือนปีเกิด รหัสผ่าน หรือ OTP ผ่านทุกช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น อีเมล SMS ไลน์ เฟซบุ๊ก ฯลฯ หากไม่แน่ใจ ควรถาม คอลเซ็นเตอร์ ของธนาคารก่อน
  • สังเกตชื่อเว็บไซต์ ต้องขึ้นต้นด้วย http:// แล้วตามด้วยชื่อเว็บของธนาคาร
  • ไม่ใช้ ไวไฟสาธารณะ ทำธุรรรมการเงินออนไลน์
  • จำกัดวงเงิน เบิก-ถอน ต่อวัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญเงินจำนวนมาก
  • หากเผลอให้ข้อมูลไปแล้ว ต้องรีบเปลี่ยนรหัสการทำธุรกรรมต่าง ๆ ทันที จากนั้นรีบติดต่อธนาคาร
  • ส่งต่อความรู้ เตือนเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว ให้รู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

กรณีใช้บัตร ATM มีข้อควรระวัง ดังนี้

  • ไม่รหัสบัตร ATM ที่คาดเดาง่าย และไม่บอกรหัสบัตรให้คนอื่นทราบ รวมถึงควรเปลี่ยนรหัสบัตรอย่างน้อย 3 เดือนครั้ง
  • ไม่จดหรือเก็บรหัสบัตร ATM ไว้ในกระเป๋าสตาค์ เพราะหากกระเป๋าสตางค์หายก็จะเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพจะนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น
  • หากทำบัตร ATM หาย, ตู้ไม่คืนบัตร, ถอนเงินแล้วเงินไม่ออก รวมถึงปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับการกดเงิน  รีบติดต่อธนาคารทันที
  • ไม่ควรทิ้งสลิปทำรายการต่าง ๆ ไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม หากคุณไม่ต้องการสลิป สามารถกดเลือกไม่รับสลิปขณะที่ทำรายการได้
  • ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินให้กับบุคคลแปลกหน้า เพราะอาจเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ
  • ก่อนทำธุรกรรมทางการเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม ควรสังเกตลักษณะตู้เอทีเอ็ม บริเวณช่องเสียบบัตร แป้นกด ว่ามีความผิดปกติหรือไหม หากมีความผิดปกติควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเสี่ยงต่อการขโมยข้อมูลของมิจฉาชีพ

สำหรับคนที่ชอบทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ ผ่านทางแอปพลิเคชันมือถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายเปย์เน้นโอนไว ควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ก่อนโอนเงินก็อย่าลืมตรวจสอบข้อมูล ชื่อ นามสกุล เลขบัญชีธนาคาร และชื่อธนาคาร ของผู้รับให้ถูกต้อง และหลังจากโอนเงินแล้วควรเก็บสลิปไว้เป็นหลักฐาน

ธนาคาร e1609908059630

นอกจากนี้ หากได้รับข้อความ ​SMS หรือ อีเมล แปลก ๆ แอบอ้างจากทางธนาคาร หรือชวนเชิญ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับรหัสผ่าน ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ไม่ควรกด หรือคลิกเด็ดขาด เพราะอาจเป็นการโจรกรรมข้อมูล และถ้าหากสงสัย ควรติดต่อโดยตรง กับทางธนาคารดีกว่า

วิธีการป้องกันที่สำคัญ อีกอย่างคือ การตั้งค่าแจ้งเตือน เมื่อทำธุรกรรมทางเงินทุกครั้ง ไม่ว่าจะ ถอน ฝาก โอน ผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือ ออนไลน์ ผ่านทางแอปพลิเคชั่นมือถือ

นอกจากนี้ หากมีความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีธนาคาร ที่ผิดปกติ เจ้าของบัญชีจะได้ทราบ และติดต่อกับทางธนาคาร เพื่อดำเนินการแก้ไขได้ทันที

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo