Business

พัฒนาระบบ 5G ควบคู่ การเกษตรเชื่อมโยงอุตสาหกรรม เร่งลงทุน ‘อีอีซี’

พัฒนาระบบ 5G หนุนลงทุนอีอีซี “บิ๊กตู่” เร่งแผนส่งเสริมการลงทุน ควบคู่แผนพัฒนาการเกษตรเชื่อมโยงอุตสาหกรรม สร้างอนาคตประเทศไทย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 5/2563 เพื่อพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเฉพาะการ พัฒนาระบบ 5G และการเกษตรเชื่อมโยงอุตสาหกรรม เพื่อเร่งการลงทุนในอีอีซี

พัฒนาระบบ 5G

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องความก้าวหน้า ในการดำเนินงาน ในพื้นที่อีอีซี ซึ่งถือว่าเป็นอนาคตของประเทศไทย ที่ต้องช่วยกันให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามระเบียบ และเป็นไปตามแผนงาน

นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำในเรื่องการลงทุน ในเขตอีอีซี ว่า จะต้องหาวิธีการ ให้มีการลงทุนในพื้นที่อีอีซีให้มากขึ้น  และส่งเสริมการลงทุน จากต่างประเทศให้มากขึ้น

ที่ประชุม กพอ. ได้พิจารณาการพัฒนาโครงข่าย 5G และโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) โดยพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก 5G ให้เกิดการลงทุนพัฒนาระบบ 5G ในพื้นที่ อีอีซี โดยมีแนวทาง ดังนี้

  • สร้างผู้ใช้ 5G อย่างเป็นระบบ

การผลักดันให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐใช้เทคโนโลยี 5G ในโรงงานทั้งหมดในพื้นที่เขตส่งเสริมอีอีซี ประมาณ 10,000 แห่ง โรงแรมทั้งหมดในอีอีซี ประมาณ 300 แห่ง หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มเอสเอ็มอี

นายก 1

ทั้งนี้ ได้จัดทำโครงการนำร่องพัฒนาระบบ 5G เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชน เริ่มตั้งแต่ บริเวณฐานทัพเรือสัตหีบเสริมความมั่นคง สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน เสริมโครงสร้างพื้นฐาน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเสริมประสิทธิภาพอุตสาหกรรม และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อให้ชุมชนได้เริ่มทดลองใช้ระบบ 5G

  • เร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการบริหารจัดการข้อมูล

การผลักดันให้ภาคเอกชนและภาครัฐ จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ ในพื้นที่ อีอีซี โดยให้ EECd เป็นจุดติดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) นอกจากนี้ วางแนวทางและปรับข้อกฎหมาย นำข้อมูลคลาวด์ภาครัฐ และคลาวด์ภาคเอกชน เฉพาะข้อมูลที่เปิดเผยได้มาจัดทำข้อมูลกลาง เพื่อธุรกิจในอนาคต เพื่อให้ภาคธุรกิจ และกลุ่มสตาร์ทอัพ นำข้อมูลดังกล่าวไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจ เช่น อีคอมเมิร์ซ การท่องเที่ยว สาธารณสุข และการแพทย์

  • พัฒนาบุคลากรดิจิทัล

การผลักดันเอกชน ให้เข้ามาร่วมลงทุนการพัฒนาคน โดยเน้นผลิตบุคลากร ที่มีทักษะตามความต้องการของเอกชน (Up-Re-New) จำนวน 100,000 คน

นอกจากนี้ ได้ปรับแนวทางการดำเนินโครงการ EECd ให้เป็นกลไกหลัก เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาโครงข่าย 5G ซึ่งวิธีการพัฒนา จะเน้นความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีประสบการณ์ จัดตั้งเขตนวัตกรรมดิจิทัลในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน จีน และสหภาพยุโรป โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นเจ้าภาพ

ประชุม

พร้อมกันนี้ ที่ประชุม กพอ. ยังได้รับทราบ การขอรับส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี ช่วง 11 เดือน (มกราคม – พฤศจิกายน 2563) มีทั้งสิ้น 387 โครงการ มูลค่าลงทุนสูงถึง 1.28 แสนล้านบาท เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของการลงทุนทั้งประเทศ เป็นการลงทุนจากต่างประเทศ 76,000 ล้านบาท

ขณะที่ส่วนใหญ่ เป็นการลงทุนกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และปิโตรเคมี โดยนักลงทุนที่สนใจจะลงทุน ขณะนี้ บีโอไอ ได้ประสานกระทรวงต่างประเทศ ทดลองผ่อนผันการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ เพื่อความสะดวกและเป็นแรงจูงใจ ให้กับนักลงทุนในการเข้ามาลงทุนในอีอีซี

พร้อมกันนี้ กพอ. ยังรับทราบความก้าวหน้า แผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ อีอีซี โดยแผนเกษตรในอีอีซี ใช้ความต้องการตลาดนำ (Demand Pull) เน้นเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร พัฒนาสินค้าตรงความต้องการ ใช้เทคโนโลยีสร้างรายได้ (Technology Push) ให้สินค้าเกษตรมีคุณภาพดี ราคาสูง

ขณะเดียวกัน จะเน้นให้ความสำคัญ 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ ผลไม้ ประมงเพาะเลี้ยง พืชชีวภาพ พืชสมุนไพร ปศุสัตว์ เพื่อยกระดับการผลิตตรงความต้องการ เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน และมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้แผนฯ เป็นกรอบในการขอรับงบประมาณปี 2565 เพื่อยกระดับภาคเกษตร ให้ใช้เทคโนโลยีนำการผลิต สินค้าตรงตามความต้องการของตลาด เพิ่มรายได้ภาคเกษตร ใกล้เคียงภาคอุตสาหกรรม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo