อยากมีคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้า ต้องมีเงินเดือนเท่าไร ทำเลไหนถึงจะเหมาะ ให้สามารถผ่อนได้ รวมถึงวงงินกู้หากต้องการกู้ อ่านที่นี่
ยุคโควิด-19 ถือเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อ ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน ที่มีรายได้ประจำ และต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่ อยากมีคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้า เพื่อให้สามารถเดินทางได้สะดวกสบายซึ่งต้องยอมรับว่า หากเป็นทำเลกลางเมือง ราคาผ่อนชำระย่อมต้องสูงตามไปด้วย
เว็บไซต์ condonewb ได้เปรียบเทียบ อัตราเงินเดือนกับอัตราเงินผ่อนที่เหมาะสม และสามารถหาซื้อได้ตามทำเลแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส และสถานีรถไฟใต้ดิน หรือ เอ็มอาร์ที ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
- เงินเดือน 15,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 6,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส แพรกษา และ เอ็มอาร์ที แยกนนทบุรี 1
- เงินเดือน 20,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 8,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส แบริ่ง และ เอ็มอาร์ที สุทธิสาร
- เงินเดือน 25,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 10,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส ปุณณวิถี และ เอ็มอาร์ที บางหว้า
- เงินเดือน 30,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 12,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส อ่อนนุช และ เอ็มอาร์ที เตาปูน
- เงินเดือน 35,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว14,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส วงเวียนใหญ่ และ เอ็มอาร์ที ห้วยขวาง
- เงินเดือน 40,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 16,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส ห้าแยกลาดพร้าว และ เอ็มอาร์ที ศูนย์วัฒนธรรม
- เงินเดือน 50,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 20,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส อารีย์ และ เอ็มอาร์ที พระราม9
- เงินเดือน 80,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 32,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส ทองหล่อ และ เอ็มอาร์ที สุขุมวิท
- เงินเดือน 100,000 บาท ราคาที่ผ่อนไหว 40,000 บาทต่อเดือน ทำเลที่ยังสามารถจับจองคอนโดได้ บีทีเอส เพลินจิต และ เอ็มอาร์ที สามย่าน
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า ก่อนที่จะคำนวณว่า เราจะผ่อนชำระเงินกู้ซื้อบ้านต่อเดือนได้แค่ไหน สิ่งสำคัญคือ ต้องหักภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนออกก่อน ซึ่งสามารถประเมินความสามารถทางการเงินได้ด้วยตนเอง ดังนี้
เงินเดือนเท่านี้ ผ่อนสูงสุดต่อเดือนได้เท่าไร
“จำนวนเงินผ่อนชำระหนี้สูงสุด ที่ผู้กู้จะสามารถแบกรับภาระได้ คือ ไม่เกิน 40% ของรายได้”
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ มีหลักการในการประเมินความสามารถ ในการแบกรับภาระหนี้ ของลูกหนี้ โดยยึดหลักที่ 40% ของรายได้ต่อเดือนของลูกหนี้ ในการคำนวณงวดผ่อนชำระสูงสุด ที่ผู้กู้จะสามารถชำระได้
ตัวอย่าง เช่น
ผู้กู้มีเงินเดือน 30,000 บาท จะสามารถผ่อนบ้านสูงสุดได้แค่ไหน?
วิธีคิด 30,000 x 40% = 12,000 บาท นั่นคือ หากผู้กู้มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน จะสามารถผ่อนบ้านสูงสุด 40% ของรายได้ คือ จำนวน 12,000 บาท
ในกรณีที่ ผู้กู้มีหนี้ หรือภาระค่าใช้จ่าย อย่างอื่น หรือภาระหนี้สิน ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระอยู่แล้ว เช่น ผ่อนรถอยู่ เดือนละ 6,000 บาท
ทั้งนี้ หนี้สินที่อยู่ระหว่างการผ่อนอยู่นี้ จะนับรวมในจำนวนเงิน 12,000 บาทข้างต้นด้วย ทำให้ผู้กู้เหลือความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลงต่อเดือน คือ 12,000 – 6,000 = 6,000 บาท
เมื่อทราบจำนวนเงินผ่อนชำระต่องวดสูงสุด ที่เรามีความสามารถผ่อนได้ในแต่ละเดือนแล้ว ก็จะสามารถนำจำนวนเงินนี้ ไปคำนวณต่อเป็นวงเงินกู้สูงสุด ที่ผู้กู้จะสามารถ กู้ซื้อบ้าน ได้
“จำนวนเงินผ่อนชำระต่องวด : วงเงินกู้ = 7,000 บาท : 1,000,000 บาท”
หลักการเบื้องต้นในการประเมินวงเงินกู้ จะคิดจากจำนวนเงิน ที่ผู้กู้มีความสามารถผ่อนได้ ในแต่ละงวด ในอัตราส่วน จำนวนเงินผ่อนต่องวด 7,000 บาท ต่อยอดหนี้ 1 ล้านบาท
ตัวอย่างเช่น ผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุด 12,000 บาทต่อเดือน จะสามารถขอกู้ในวงเงินสูงสุดเท่าไร
วิธีคิดวงเงินกู้สูงสุดของการ กู้ซื้อบ้าน คือ (1,000,000 x 12,000) ÷ 7,000 = 1,885,700 บาท
นั่นคือ ผู้กู้ที่มีความสามารถในการ ผ่อนชำระต่องวดสูงสุด 13,200 บาท จะสามารถขอวงเงินกู้ได้สูงสุด 1,885,700 บาท
วิธีการดังกล่าว จะช่วยให้ผู้กู้ สามารถประเมินความสามารถ ในการ กู้ซื้อบ้าน ของตนเองคร่าว ๆ ได้ แต่วงเงินกู้ซื้อบ้าน และยอดผ่อนชำระรายงวด ที่ธนาคารคำนวณให้ อาจจะคลาดเคลื่อนจากการประเมินไปบ้าง จากปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งในที่นี้ก็คือบ้านที่ผู้กู้ซื้อบ้านต้องการกู้มาซื้อ
ที่มา : condonewb / ddproperty
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อสังหาฯ ปี 64 ลูกค้ายัง ‘ชะลอซื้อบ้าน’ ท่ามกลาง สงครามราคาเดือด
- จับตา ‘อสังหาฯ ปี 64’ ฝ่าภาวะ ยอดขายต่ำ ต้นทุนสูง โจทย์ยากขึ้น ฟื้นตัวช้า
- 2 เดือนแห่งความหวัง การท่องเที่ยวกระตุ้นอสังหาฯ