สิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือเฟส 2 “ประกันสังคม” เดือน ธันวาคม 2563 กลับมาเก็บ เงินสมทบ 5% เต็ม ไม่มีลดหย่อน ด้านเอกชนกระทุ้งรัฐบาลขยายมาตรการออกไปอีก
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คือ ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2563 กองทุนประกันสังคมได้ลดอัตราการจัดเก็บเงินสมทบ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด โดยลดการเก็บเงินกองทุนฯ เหลือ 2% สำหรับนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้าง) และมาตรา 39
เมื่อมาตรการดังกล่าวได้สิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน 2563 ก็ส่งผลให้นายจ้างและผู้ประกันตนต้องกลับมาจ่ายเงินสมทบเต็มจำนวนอีกครั้ง ตั้งแต่ค่าจ้างงวดเดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นไป
เงินสมทบ “ประกันสังคม” ธันวาคม 2563
ในเดือนธันวาคม 2563 ประกันสังคม จะกลับมาเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนฯ เต็มอัตรา ดังนี้
นายจ้างของผู้ประกันตนมาตรา 33
ส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในอัตรา 5% ของค่าจ้างผู้ประกันตน หรือสูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน
ผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้างเอกชน)
ส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในอัตรา 5% ของค่าจ้าง หรือสูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน
ผู้ประกันตนมาตรา 39 (ผู้เคยเป็นลูกจ้างมาตรา 33 มาก่อน แต่ได้ลาออกจากบริษัทเอกชนแล้ว)
ส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในอัตรา 9% ของฐานเงิน 4,800 บาท หรือ 432 บาทต่อเดือน
** ทั้งนี้ ในระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2563 ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือ หากนายจ้างและผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมมากกว่า 2% ก็สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินส่วนที่เกินคืนได้ที่ สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานคร (กทม.) พื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสำนักงาน ประกันสังคม จังหวัดสาขา โดยตรวจสอบที่ตั้งและเบอร์โทรศัพท์ได้ ที่นี่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
กระทุ้งลดหย่อนเงินสมทบ เฟส 3
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ได้ออกมาเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานพิจารณาลดหย่อนเงินสมทบประกันสังคมอีกครั้ง เป็นเวลา 3-6 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ
นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานและประธานคณะอนุกรรมการมาตรการแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ได้หารือร่วมกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อขอให้พิจารณาแนวทางการลดหย่อนเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้าง) ให้เหลือฝ่ายละ 1% เป็นระยะเวลา 3 เดือน
หากเป็นไปได้ขอให้มาตรการลดเงินสมทบ ประกันสังคม รอบใหม่นี้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -31 มีนาคม 2564 เพื่อรักษาระดับการจ้างงานและกระตุ้นการใช้จ่าย เพราะแม้เศรษฐกิจจะมีทิศทางที่ดี แต่ก็ยังดีขึ้นไม่มาก นายจ้างหลายแห่งยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ
ทั้งนี้ ปัจจุบันระบบ ประกันสังคม มีผู้ตกงานรวม 7.9 แสนคน แต่แนวโน้มที่จะก้าวไปสู่ระดับ 2.5 ล้านคนในอนาคต เนื่องจากผู้ที่หยุดงานชั่วคราวในเวลานี้ อาจกลายเป็นผู้ว่างงานหรือไม่มีงานทำ เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรหามาตรการช่วยเหลือและลดภาระให้นายจ้าง เพราะหากนายจ้างไม่สามารถอยู่รอดได้ สุดท้ายก็ไม่สามารถจ้างงานได้อยู่ดี
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า สภาองค์การนายจ้างฯ ได้เสนอกระทรวงแรงงาน ให้พิจารณาขยายมาตรการลดหย่อยเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้างและลูกจ้างฝ่ายละ 2% ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน 2563 ก็ขอให้ขยายไป 6 เดือน ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2564 โดยแนวทางดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดรายจ่ายของนายจ้าง
ทั้งนี้ ถ้ากระทรวงแรงงานให้กลับไปจ่ายเงินสมทบกองทุน ประกันสังคม เต็ม 5% เหมือนเดิม ก็จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานอย่างแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม (SME) ที่สภาพคล่องไม่ดีอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้การดำเนินธุรกิจเปราะบางและสุดท้ายอาจจะไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานต่อไปได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ประกันสังคม’ เพิ่มช่องทางจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร-ชราภาพผ่าน ‘พร้อมเพย์’
- ส.อ.ท. กระทุ้งขยายลดเงินสมทบ ‘ประกันสังคม’ นายจ้างและลูกจ้างต่อปี 2564
- จ่อชง ‘บอร์ดประกันสังคม’ ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ-แก้กฎหมายใช้เงินชราภาพ