Business

เปิด 4 เงื่อนไขเยียวยา ‘สวนยางพารา’ ถูกน้ำท่วม เสียหายหนักจ่าย 3,000 บาท

“กยท.” เปิด 4 เงื่อนไขเยียวยา “สวนยางพารา” ภาคใต้ถูก น้ำท่วม เสียหายหนักตั้งแต่ 20 ต้นต่อไร่ พร้อมจ่าย 3,000 บาท

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนัก และทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคใต้ เช่น นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล และนราธิวาส ซึ่งมีพื้นที่ปลูกยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ทั้งหมดประมาณ 5,274,333 ไร่ เป็นเกษตรกร จำนวน 478,760 ราย

สวนยางพารา น้ำท่วม

โดยขณะนี้จึงได้สั่งการให้ กยท. เขต และ กยท. จังหวัดในภาคใต้ เร่งสำรวจ สวนยางพารา ที่เกิดความเสียหายจาก น้ำท่วม ซึ่ง กยท. มีมาตรการช่วยเหลือกรณีสวนยางประสบอุทกภัยผ่านกองทุนพัฒนายางพารา ตามหลักเกณฑ์ดังนี้

  • สวนยางที่ถูกน้ำท่วมจนได้รับความเสียหายจนเสียสภาพสวน หรือได้รับความเสียหายในคราวเดียวกันไม่น้อยกว่า 20 ต้นต่อไร่ เกษตรกรจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 3,000 บาท
  • กรณีสวนปลูกแทนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งหากพบว่าเสียสภาพสวน จะให้ระงับการปลูกแทน โดยไม่เรียกเงินคืนในส่วนที่เสียหาย จากนั้นจึงอนุมัติให้การปลูกแทนใหม่ แต่ต้องไม่เกินเนื้อที่ที่ระงับการปลูกแทน
  • กรณีไม่เสียสภาพสวน แต่ต้นยาง หรือไม้ยืนต้นชนิดอื่น (พืชหลัก) อายุไม่เกิน 2 ปีครึ่ง ได้รับความเสียหายหนัก ไม่สามารถค้ำยันได้ ต้องปลูกซ่อมเท่านั้น กยท. จะช่วยเหลือเป็นเงินค่าปลูกซ่อมครั้งเดียว อัตราต้นละ 45 บาท
  • ส่วนต้นยางหรือไม้ยืนต้นชนิดอื่น ที่เสียหายเอนล้ม แต่สามารถตัดแต่งและค้ำยันให้ตรงได้ กยท. จะช่วยเหลือค่าค้ำยันครั้งเดียว โดยต้นยางที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีครึ่งขึ้นไป แต่ไม่เกิน 3 ปี อัตราต้นละ 35 บาท และต้นยางฯ อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป อัตราต้นละ 110 บาท

128626972 3029083240684075 4421168913157241788 o

นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้นยางพาราเป็นพืชที่สามารถทนต่อน้ำท่วมขังได้พอสมควร ประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 2 เดือน โดยขึ้นอยู่กับอายุของต้นยาง ระดับน้ำและความยาวนานของน้ำที่ท่วมขัง ดังนั้นการฟื้นฟูสวนยางให้ดีขึ้นหลังจากน้ำลดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

กยท. แนะนำเกษตรกรสำรวจความเสียหายสภาพสวนยาง เพื่อหาแนวทางในการฟื้นฟูและจัดการสวนยางหลังจากถูก น้ำท่วม รวมถึง การเฝ้าระวังเรื่องโรคยางพาราที่มากับช่วงหน้าฝน คือ โรคใบร่วงไฟทอฟธอรา (Phytophthora) เกษตรกรควรบำรุงรักษาสวนยางให้สมบูรณ์โดยใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือช่วงต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน เพื่อสร้างความทนทานแข็งแรงให้ต้นยาง

เกษตรกรในรายที่ปลูกพืชร่วมยาง ควรจัดการสวนยางให้โปร่งอยู่เสมอ ไม่ให้สวนยางมีความชื้นสูง และควรกำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่งในสวนยางให้อากาศถ่ายเท ให้แสงแดดส่องได้สะดวกทั่วถึง เพื่อลดความชื้นในสวนยาง

“กยท. ขอเชิญชวนร่วมช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยร่วมบริจาคทรัพย์ผ่านบัญชี การยางแห่งประเทศไทย เลขที่บัญชี 058-0-38679-1 ธนาคารกรุงไทย สาขาบางขุนนนท์ ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 31 มกราคม 2564 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การยางแห่งประเทศไทย (กองกลาง) โทร 0-2433-2222 ต่อ 291” ผู้ว่าการ กยท. กล่าว

น้ำท่วม15

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับ หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – ปัจจุบัน (3 ธันวาคม 2563 เวลา 06.00 น.)

มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจาก น้ำท่วม ฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย รวม 9 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 70 อำเภอ 358 ตำบล 2,318 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 261,253 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมใน 7 จังหวัด 62 อำเภอ 323 ตำบล 2,186 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 255,162 ครัวเรือน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo