Business

ประชาชนปลื้ม ‘คนละครึ่ง’ ชาวภูเก็ต นักเที่ยวชาวไทย ฝากขอบคุณ ‘บิ๊กตู่’

ประชาชนปลื้ม “คนละครึ่ง” ฟื้นเศรษฐกิจฐานราก “ธนกร” เผยชาวภูเก็ต นักท่องเที่ยวไทย ฝากขอบคุณ นายกรัฐมนตรี ช่วยลดค่าครองชีพ

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “Dr Thanakorn Wangboonkongchana ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ” หลังจากเดินทางไปพักผ่อนที่ภูเก็ต พบประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวไทย ฝากขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินโครงการคนละครึ่ง โดย ประชาชนปลื้ม คนละครึ่ง เนื่องจากช่วยลดค่าครองชีพประชาชน โดยระบุว่า

ประชาชนปลื้ม คนละครึ่ง

“ในช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปพักผ่อนที่จ.ภูเก็ต ซึ่งบรรยากาศคึกคัก มีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาเที่ยวจำนวนมาก ได้พบเจอพี่น้องประชาชนมากมาย โดยประชาชนจำนวนมาก ฝากขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง” เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก

โครงการคนละครึ่ง มีผู้ประกอบการรายย่อย เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก โดย รัฐบาล ร่วมจ่ายค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ผ่านผู้ซื้อ 50% โดยไม่เกิน 150 บาทต่อวันต่อคน หรือไม่เกิน 3000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ ในภาวะที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ

นายธนกร กล่าวอีกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ที่ตนได้แลกเปลี่ยนพูดคุย ต่างวิตกกังวล เกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยเฉพาะ การชุมนุมของคณะราษฏร เกรงว่า สถานการณ์จะบานปลาย กลายเป็นความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อประเทศ

นอกจากนั้น ยังไม่อยากให้คนไทยด้วยกัน ขัดแย้งกันเอง ที่สำคัญ ประเทศยังเผชิญกับภาวะโควิด-19 เศรษฐกิจก็ยังไม่ดี

ขณะที่ข้อเรียกร้องที่เสนอให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จึงอยากให้รัฐบาลบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม ตนขอชื่นชมน้อง ๆ นักเรียน เยาวชนและประชาชน ที่ออกมาช่วยกันทำความสะอาด ทาสีทับข้อความที่ไม่เหมาะสม ที่คณะราษฏรได้ฉีดพ่นไว้

แจกเงิน 3000 ๒๐๑๑๒๑

ทั้งนี้ ตนได้เจอ นายเสฎฐนันท์ ราฟาเอล เตชะวิบูลย์ น้องในกลุ่มไฮโซปลาวาฬ วรสิทธิ์ เตชะวิบูลย์ เจ้าของโรงแรมศรีพันวา ซึ่งได้ออกไปช่วยพ่นสีทับข้อความไม่เหมาะสมด้วย

โดยนายเสฏฐนันท์บอกตนว่า การเมืองก็ว่ากันไป เห็นต่างกันได้เป็นเรื่องปกติ ตามระบอบประชาธิปไตย ปัญหาการเมือง ก็ต้องแก้ด้วยการเมือง แต่สิ่งที่พวกเขารับไม่ได้คือ พฤติกรรม การจาบจ้วงสถาบัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้แจงประเด็นข้อวิจารณ์การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ว่า โครงการคนละครึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งประกอบด้วย

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน เพื่อช่วยเหลือเยียวยา เพิ่มกำลังซื้อ และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มดังกล่าว

2. โครงการคนละครึ่ง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้จากการขายสินค้า โดยกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 ล้านคน

3. มาตรการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี โดยผู้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ประมาณ 3.7 ล้านคน

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า รัฐบาลมีความต้องการดูแลประชาชนให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังได้มีการดูแลประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ผ่านมาตรการอื่น ๆ ของรัฐด้วย

ในส่วนของโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนนั้น เนื่องจากเป็นการร่วมจ่าย กลุ่มเป้าหมายจึงเป็นผู้ที่พอจะมีรายได้เพื่อมาร่วมจ่ายกับรัฐ ซึ่งได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านคน โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญของโครงการ คือ ระบบการใช้จ่ายด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ที่ต้องมีการยืนยันตัวตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้ใช้ให้มั่นใจว่าไม่มีผู้อื่นมาใช้สิทธิแทน และมีการใช้จ่ายจริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

ทั้งนี้ เนื่องจากในการลงทะเบียนรอบเพิ่มเติม 2 ครั้งที่ผ่านมาเพื่อให้ได้ 10 ล้านสิทธิ มีประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอีกเป็นจำนวนมาก

นายกรัฐมนตรี จึงได้มีดำริให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังจะพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นและสอดคล้องกับงบประมาณที่สามารถจัดสรรได้ รวมทั้งจะพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้าและประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการมากยิ่งขึ้น

สำหรับเงื่อนไข “คนละครึ่งเฟส2” นั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ได้เตรียมเปิดโครงการ คนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นกำลังการใช้จ่ายในเฟส 2 ช่วงต้นปี 2564 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน หลังจากมาตรการระยะแรกได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม

สำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 2 จะเริ่มในปี 2564 เป็นการขยายระยะเวลาของมาตรการออกไปจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อช่วงปีใหม่ ส่วนจะมีการเพิ่มสิทธิมากกว่า 10 ล้านคน หรือ เพิ่มวงเงิน เพื่อนำไปใช้จ่ายมากกว่า 3,000 บาทหรือไม่ จะต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง คาดว่า สรุปได้ในเดือน ธันวาคมนี้

สำหรับโครงการ คนละครึ่งเฟส 2 จะใช้เงินในส่วนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฟื้นฟูผลกระทบโควิด-19 จำนวน 400,000 ล้านบาท ขณะนี้เหลือประมาณการ ที่นำมาใช้จ่ายได้ 200,000 ล้านบาท แต่จะต้องทำรายละเอียดเสนอ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ พิจารณารายละเอียดก่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

 

Avatar photo