Business

‘ธนาคารพาณิชย์’ แห่ตั้งสำรองรับวิกฤติหนี้เสีย หลังตัวเลข NPL พุ่งแตะ 3.14%

แบงก์ชาติเปิดสถิติไตรมาส 3 “หนี้เสีย” ในระบบพุ่งแตะ 3.14% “ธนาคารพาณิชย์” ระดมเงินตั้งสำรองเพิ่มรับมือวิกฤติ NPL

น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ เปิดเผย ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 3 ปี 2563 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้

หนี้เสีย ธนาคารพาณิชย์

มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อและชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อระบบ ธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ปรับลดลง ซึ่งเป็นผลจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมรองรับคุณภาพสินเชื่อที่อาจด้อยลงจากผลกระทบของโควิด-19 โดยมีรายละเอียดดังนี้

โดยระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,959 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 19.8% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 782.5 พันล้านบาท อัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ 149.7% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤติ (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ 184.9%

ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2563 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.6% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนจาก 5.0% ในไตรมาสก่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้

สินเชื่อธุรกิจ (64.6% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวที่ 4.5% เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วนระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้และหุ้นเพิ่มทุนแทนการใช้สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ ขณะที่สินเชื่อ SMEs หดตัวในอัตราที่ลดลงจากผลของมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) และการทยอยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

สินเชื่ออุปโภคบริโภค (35.4% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวที่ 4.8% เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ที่อยู่อาศัยแนวราบที่ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน

shutterstock 1513611272

“หนี้เสีย” ระบบ ธนาคารพาณิชย์ พุ่ง

คุณภาพสินเชื่อของระบบ ธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 ยังคงได้รับผลจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan: NPL หรือ stage 3) อยู่ที่ 513.9 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.14 % เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 3.09 % ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ 7.03 % ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 7.49 %

ในไตรมาส 3 ปี 2563 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 28.0 พันล้านบาท ทำให้ภาพรวมกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 130.4 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อที่อาจด้อยลง หรือ หนี้เสีย ในระยะต่อไป

สำหรับอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) ลดลงมาอยู่ที่ 0.52 % จากไตรมาสก่อนที่ 0.60 % และอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ลดลงมาอยู่ที่ 2.55 % จากไตรมาสก่อนที่ 2.60 % ซึ่งเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อที่ลดลงเป็นสำคัญ

คาด GDP ปีนี้ติดลบ 6%

ล่าสุดวันนี้ (16 พ.ย. 63) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ประกาศภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2563 ติดลบ 6.4% เป็นการติดลบน้อยลงจากไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ติดลบสูงถึง 12.1% ทำให้ช่วง 9 เดือน เศรษฐกิจไทยติดลบ 6.7%

ปัจจัยที่หนุนการเติบโตเศรษฐกิจไตรมาส 3 เนื่องจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่ส่งผลให้กิจกรรมกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกไตรมาส 3 ฟื้นตัวขึ้นหลังจากติดลบต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563

นอกจากนี้ สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 2563 ดีขึ้น เป็นติดลบ 6% จากเดิมที่คาดไว้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ว่าจะติดลบ 7.5% และเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเป็นบวกได้ในปี 2564 ที่ 3.5 – 4.5%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo