สายการบินยังเจ็บหนัก! AAV แจ้งผลประกอบการงวด 9 เดือน “ไทยแอร์เอเชีย” ขาดทุน 3.6 พันล้าน ด้าน “ประเสริฐ บุญสัมพันธ์” ยื่นลาออกจากประธานบอร์ด “นกแอร์”
คืนวานนี้ (10 พ.ย. 63) บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ปี 2563 AAV มีผลประกอบการขาดทุน 1,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 441% จากช่วงเดียวกันก่อนที่ขาดทุน 416 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.3787 บาท
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนในปี 2563 สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย มีผลประกอบการ ขาดทุน 3,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 809% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 401 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.7525 บาท
ผลประกอบการดังกล่าวเกิดจาก AAV มีรายได้รวม 2,403.2 ล้านบาท ลดลง 75% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 9,657 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 5,520.2 ล้านบาท ลดลง 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปี 2563 ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีขาดทุนสุทธิจำนวน 1,836.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ AAV มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดปลายไตรมาสที่ 3 จำนวน 2,351 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปลายปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 2,566 ล้านบาท นอกจากนี้ราคาค่าโดยสารเฉลี่ยใน 9 เดือนแรกของปี 2563 ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1,272 บาทต่อคน
ไตรมาส 3 ไทยแอร์เอเชีย ยังอ่วมพิษโควิด
AAV เปิดเผยว่า สำหรับเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 3 ปี 2563 ผ่านจุดต่ำสุดจากวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ นำมาซึ่งการประกาศใช้มาตรการปิดเมืองอีกครั้งในบางประเทศและการปิดพรมแดนเพื่อลดการแพร่ระบาด
ถึงแม้บางประเทศจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี แต่การเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศยังไม่สามารถทำได้ตามปกติ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างช้าๆ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2563 หดตัวน้อยกว่าไตรมาสก่อน โดยตัวเลขการส่งออกหดตัวน้อยลงในเดือนกันยายนและมีทิศทางฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ซบเซาจากการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศอันเข้มงวด ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 เดือน
โดยรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติระหว่าง เดือนมกราคม – กันยายน 2563 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 76.8% และ 59.5% ตามลำดับ และจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเที่ยวไทยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 77.3% และ 54.7% ตามลำดับ 3
อย่างไรก็ดี การส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศจากภาครัฐผ่าน “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนและช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ฟื้นตัวดีขึ้น โดยในเดือนกันยายน 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวไทยภายในประเทศคิดเป็น 65% ของจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนการแพร่ระบาดเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ 55%
ดังนั้น ธุรกิจการท่องเที่ยวยังคงต้องดำเนินการอย่างประคับประคองให้ผ่านปีนี้ไป ตราบใดที่ยังไม่มีการผลิตวัคซีนป้องกันหรือยารักษาโควิด-19 ที่ดี สถานการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติคงยังไม่กลับมาเหมือนเดิม
“ไทยแอร์เอเชีย” หวังนโนบายรัฐพยุงไตรมาส 4
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ให้ความเห็นว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 เราเริ่มได้รับสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะเส้นทางภายในประเทศ ที่ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ กำหนดนโยบายและอัดแคมเปญกระตุ้นการเดินทาง ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชียเริ่มเพิ่มความถี่เที่ยวบินและเปิดให้บริการเส้นทางใหม่ๆ ในเดือนกันยายน 2563 โดยสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ได้กลับมาให้บริการเส้นทางในประเทศคิดเป็น 96% ของปริมาณที่นั่งก่อนการแพร่ระบาด Covid-19
“ในไตรมาสที่ 3 เรารุกเดินหน้าในการเปิดฐานปฏิบัติการบินใหม่ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้ไทยแอร์เอเชีย เป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการบินสะดวกเลือกได้ที่กรุงเทพฯ ใน 2 ท่าอากาศยาน เสริมทัพจากท่าอากาศยานดอนเมือง เเละถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมทั้งเตรียมความพร้อม เมื่อมีนโยบายเปิดประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ สามารถกลับมาให้บริการได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมต่อทั้งกับผู้โดยสารเเละด้านการขนส่งสินค้า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป” นายสันติสุขกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสันติสุขมองว่า ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ปริมาณที่นั่งเส้นทางบินภายในประเทศจะเติบโตมากกว่าก่อนการแพร่ระบาด โควิด-19 เป็นผลจากการเปิดฐานปฏิบัติการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเพิ่มเส้นทางการบินในประเทศและความถี่ให้มีมากยิ่งขึ้นสอดคล้องกับปริมาณความต้องการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นนั้น
อีกทั้งไตรมาสที่ 4 นั้น เข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว การเดินทางมีเเนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการที่รัฐบาลขยายเวลาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ปี 2564 รวมทั้งการเริ่มมีนโยบายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในโครงการ Special Tourist Visa (STV) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพำนักและท่องเที่ยวในประเทศไทยระยะยาว โดยมองว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวดังกล่าวถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและพร้อมตอบรับกับมาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ รัฐบาลประกาศ ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น จาก 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร จนถึง 30 เมษายน ปี 2564 เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการสายการบิน
“ประเสริฐ” ลาออกประธานบอร์ดนกแอร์
เย็นวานนี้ (10 พ.ย. 63) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ยังได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ได้ขอลาออกจากการดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป
อ่าวข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไทยสมายล์-นกแอร์’ ศึกษาเปิดเส้นทางใหม่ไป ‘สนามบินน่าน’ แย่งเค้ก ‘แอร์เอเชีย’
- ‘ตั๋วบุฟเฟ่ต์แอร์เอเชีย’ พ่นพิษ! ผู้โดยสารร้อง กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ใช้ไม่ได้จริง
- สนามบินสุวรรณภูมิอ้าแขนรับ ‘ไทยแอร์เอเชีย’ ชงบอร์ดเคาะ 29 ก.ค. นี้