เทรนด์ใหม่ที่เติบโตทั่วโลก คือ “แชริ่ง อีโคโนมี่” การแบ่งปันทรัพยากรเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งขยายตัวในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ “ท่องเที่ยว” แพลตฟอร์มระดับโลกที่เติบโตต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอย่าง Airbnb ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 300 ล้านคนทั่วโลก และมีบ้านพักทุกรูปแบบกว่า 5 ล้านหลัง ตั้งแต่บ้านพักทั่วไปถึงปราสาท
ปัจจุบัน แอร์บีแอนด์บี ให้บริการที่พักในไทยกว่า 100 ประสบการณ์ในกรุงเทพฯ เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ได้เปิดตัว ที่พัก 4 ประเภทใหม่ในไทย คือ เวเคชั่น โฮม, ยูนิค, บีแอนด์บี และบูติก เพิ่มเติมจากรูปแบบที่มีอยู่
ล่าสุด แอร์บีแอนด์บี ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับสมาคมการค้าธุรกิจที่พักบูติกไทย (Thailand Boutique Accommodation Trade Association: TBAA) เพื่อนำโรงแรมบูติกไทยที่เป็นสมาชิกสมาคมขึ้นสู่แพลตฟอร์ม แอร์บีแอนด์บี เพื่อเข้าถึงเครือข่ายนักเดินทางระดับโลก
50 ที่พักบูติกร่วมแพลตฟอร์ม
ไมค์ ออร์กิล ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอร์บีแอนด์บี กล่าวว่าความร่วมมือกับสมาคมการค้าธุรกิจที่พักบูติกไทย เพื่อส่งเสริมธุรกิจบริการเชิงสร้างสรรค์ของไทยสู่ตลาดโลก หลังจากก่อนหน้านี้แอร์บีแอนด์บี ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เพื่อเพิ่มทักษะและผลักดันโฮมสเตย์ท้องถิ่นใน 76 จังหวัดทั่วประเทศมาแล้ว
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้แพลตฟอร์มแอร์บีแอนด์บีที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย มาจากเอเชีย 61% ยุโรป 19% อเมริการเหนือ 14% ออสเตรเลีย 3% แอฟริกา 1% และลาตินอเมริกา 1%
พบว่านักท่องเที่ยวที่ใช้บริการที่พักแอร์บีแอนด์บีในไทย ใช้เวลาพักเฉลี่ย 4 คืนต่อทริป สูงกว่าการพักในโรงแรม นอกจากนี้มีจุดหมายการท่องเที่ยวนอกกรุงเทพฯ กระจายตัวในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในหลายจังหวัดที่นักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมไม่เดินทางไปท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ขณะที่นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวทั้งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นหลากหลาย
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดของแอร์บีแอนด์บี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือกับ TBAA จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยวชุมชน และเป็นประตูให้นักเดินทางจากทั่วโลกเข้าถึงโรงแรมบูติกในประเทศไทยมากขึ้น”
สำหรับที่พักบูติกสมาชิกสมาคม TBAA ที่เข้าสู่แพลตฟอร์มแอร์บีแอนด์บีมีจำนวนกว่า 50 แห่งใน 15 จังหวัดทั่วไทย ทั้งทำเลกรุงเทพฯ, ภูเก็ต, กาญจนบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, สุโขทัย, จันทบุรี, นครราชสีมา, เชียงใหม่, กระบี่ และราชบุรี
เปิดตัว Neighbourhood Guide
สำหรับความร่วมมือของแอร์บีแอนด์บีและสมาคมการค้าธุรกิจที่พักบูติกไทย ประกอบด้วย
- การประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับสมาชิกโรงแรมภายใต้สมาคมการค้าธุรกิจที่พักบูติกไทย เพื่อเสริมความรู้เรื่องการใช้แพลตฟอร์มของแอร์บีแอนด์บี รวมถึงการใช้ทักษะด้านดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์, จัดการ และส่งเสริมที่พักของตนเอง
- เสริมความแข็งแกร่งผู้ประกอบการธุรกิจบริการที่พักบูติกไทยให้มีมาตรฐานระดับโลก
- ประชาสัมพันธ์โรงแรมบูติกที่มีเอกลักษณ์และได้รับการออกแบบอย่างสร้างสรรค์สู่เวทีระดับโลก
- ขับเคลื่อนชุมชนท้องถิ่นด้วยการดึงนักท่องเที่ยวให้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวใหม่นอกจากแหล่งท่องเที่ยวหลักเดิมๆ
นอกจากนี้ได้ร่วมมือเปิดตัวคู่มือท่องเที่ยวอิเล็คทรอนิกส์ (e-Guide) Airbnb x TBAA Thailand Neighbourhood Guide จำนวน 17 หน้า ที่รวบรวมคำแนะนำแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น 5 แห่งในไทย ซึ่งแต่ละแห่งมีการผสมผสานของมรดกท้องถิ่นและพื้นที่แห่งการสร้างสรรรค์ใหม่ เพื่อโปรโมแหล่งท่องเที่ยวและที่พักบูติกไทย
ในปีที่ผ่านมาชุมชนเจ้าของที่พักในไทยที่เข้าร่วมแพลตฟอร์มแอร์บีแอนด์บี มีแขกที่เข้าพักกว่า 1.7 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท (119 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นรายได้ของคนท้องถิ่นในประเทศไทย
หนุนช่องทางการตลาด-โปรโมท
ทางด้าน ศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมการค้าธุรกิจที่พักบูติกไทย (TBAA) และที่ปรึกษาสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่าความร่วมมือกับแอร์บีแอนด์บี จะช่วยส่งเสริมเจ้าของโรงแรมบูติกในประเทศไทย
นำเสนอความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความคิดสร้างสรรค์สู่ตลาดระดับโลกผ่านแพลตฟอร์มแอร์บีแอนด์บี ที่จะเป็นช่องทางการทำตลาดและโปรโมทที่พักบูติก โดยมีค่าใช้จ่ายการใช้แพลตฟอร์มราว 5% ซึ่งต่ำกว่าแพลตฟอร์ม OTA อื่นๆ ที่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย 20-30%
ปัจจุบันมีที่พักรูปแบบบูติกในประเทศประมาณ 1,000 แห่ง โดยเป็นสมาชิกกับสมาคมขณะนี้ 50 แห่ง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 100 แห่ง และปี 2562 เพิ่มเป็น 200 แห่ง
เทรนด์การท่องเที่ยวปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) เพิ่มขึ้น กลุ่มนี้มีพฤติกรรมท่องเที่ยวหาประสบการณ์ผ่านการพักอาศัยในท้องถิ่นและชุมชนมากขึ้น ทำให้ที่พักบนแพลตฟอร์มแอร์บีแอนด์บีตอบโจทย์ดังกล่าว
แห่ลงทุนที่พักบูติก
ศุภฤกษ์ กล่าวว่ารูปแบบที่พักบูติก ได้รับความสนใจลงทุนมากขึ้น ทั้งกลุ่มที่เป็นเจ้าของที่พักที่มีสถาปัตยกรรมและดีไซน์โดดเด่น ได้นำบ้านเก่ามาปรับปรุงเป็นที่พักบูติก รวมทั้งมีกลุ่มคนรุ่นใหม่สนใจลงทุนสร้างที่พักบูติกมากขึ้น เนื่องจากเป็นที่พักขนาดเล็ก 10-20 ห้อง จึงใช้เงินลงทุนไม่มาก เฉลี่ยต่อห้องลงทุน 5 แสน-1 ล้านบาท พบว่ามีการลงทุนในทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่มองหาประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ท้องถิ่น โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เลือกที่พักบูติก 70% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 30% คนไทย
“ที่พักบูติก ที่มีเอกลักษณ์และวิถีท้องถิ่น ถือเป็นแม่เหล็ก ที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนได้ด้วยตัวเอง ในประเทศไทยมีที่พักบูติกหลายหลายตั้งแต่ระดับ 1,000 บาทไปถึง 2 หมื่นบาทต่อคืน”
“สื่อออนไลน์”หนุนอุตฯท่องเที่ยว
ปัจจุบันสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และสมาร์ทโฟน มีบทบาทสำคัญและอิทธิพลกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวปัจจุบันหาข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อแสวงหาประสบการณ์จากแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ทำให้ผู้ประกอบการที่พักทุกกลุ่ม รวมทั้งผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เป็นช่องทางการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
“พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ที่มักใช้สื่อโซเชียล เป็นช่องทาง ไลฟ์ การใช้ชีวิตทั้งการท่องเที่ยวและรับประทานอาหาร กลายเป็นช่องทางช่วยประชาสัมพันธ์ที่พักและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้กลุ่มเพื่อนและผู้ที่เห็นการแชร์ภาพและข้อมูล มาท่องเที่ยวตามไปด้วย”
