Business

อีคอมเมิร์ซไทย ถึงจุด ‘Sweet spot’ เตือน 3 สิ่งพึงระวัง สร้างทางรอด

อีคอมเมิร์ซไทย ถึงจุด “หอมหวานที่สุด” มูลค่าแตะ 2 แสนล้าน อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ เตือน 3 สิ่งต้องระวัง สร้างทางรอดร้านค้าในโลกอีคอมเมิร์ซแห่งอนาคต

นายนิธิ สัจจทิพวรรณ กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าตลาด อีคอมเมิร์ซไทย ปี 2563 จะอยู่ที่ 2แสนล้านบาท โดยเติบโต 42% จากปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดการซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในจุดที่เรียกว่า Sweet spot คือไม่ใช่จุดที่ดีที่สุด แต่อยู่ในจุดที่หอมหวานที่สุด

อีคอมเมิร์ซไทย

ทั้งนี้ เนื่องจากคนไทยชื่นชอบและนิยม การซื้อสินค้าออนไลน์ และโอกาสทางการตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย ยังมีอีกมหาศาล ซึ่งในอนาคตจะมีผู้คนเข้ามาโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าหน้าใหม่ยังเกิดใหม่เรื่อยๆ หากผู้ประกอบการต้องการลงทุน ขยายตลาดช่องออนไลน์ ต้องดำเนินการทันที

ขณะที่ภาพรวม อีคอมเมิร์ซทั่วโลก ยังคงเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ปี 2563 มูลค่าตลาดทั่วโลกจะอยู่ที่ 75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปี 2562 มีจำนวนผู้ใช้งานมากถึง 3,468 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.6% จากปี 2562 เช่นกัน

ทั้งนี้ ความน่าสนใจในตลาดอีคอมเมิร์ซ คือรายได้ของทั่วโลกในปี 2563 มาจากภูมิภาคเอเชียมูลค่าอยู่ที่ 45 ล้านล้านบาท เติบโต 29% จากจำนวนผู้ใช้ถึง 2,133 ล้านคน คิดเป็น 61.5% ของผู้ใช้ทั่วโลก สะท้อนขนาดตลาดที่ใหญ่สุดในโลก

หากมองเจาะลึกลงไปในภูมิภาคเอเชีย ยังพบว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตลาดที่มูลค่าอีคอมเมิร์ซเติบโตสูงสุดถึง 44% โดยตลาดที่มีกำลังซื้อ คนมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงอันดับหนึ่ง ได้แก่ คนอินโดนีเซีย มีอัตราการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซต่อผู้ใช้ต่อปีที่ 219 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 6,856 บาทต่อคนต่อปี และที่รองลงมาก็คือ คนไทย 215.67 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 6,752 บาทต่อคนต่อปี

อีคอมเมิร์ซไทย

การที่ ประเทศไทย ยังมีอัตราคาดการณ์ของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ต่ำกว่าอินโดนีเซียอยู่มาก นั่นหมายความว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย เป็นตลาดที่ คนมีกำลังซื้อ และ ยังขยายได้อีกมากในอนาคต

สำหรับธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ โควิดจนถึงตอนนี้ และ จะเติบโตต่อไปอีกในอนาคต คือ อุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่มที่ผ่านการบรรจุภัณฑ์, อุปกรณ์ที่ใช้ภายในบ้าน และ ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของผู้ซื้อ (New normal) และ จากกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ที่เข้ามาทดลองในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนธุรกิจที่น่าจับตามองคือ ความงามเครื่องสำอาง,ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย, และ ธุรกิจกลุ่มสุขภาพและอาหารเสริม เนื่องจากมีการเติบโตที่น่าสนใจช่วงโควิด ถึงจะลดตัวลงบ้าง จากการกลับมาของหน้าร้าน แต่ จะกลับมาเติบโตได้ดีบนออนไลน์อีกครั้งในอนาคต โดยสุดท้ายแล้ว อุตสาหกรรมที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ธุรกิจแฟชั่น ที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของการท่องเที่ยว

1I5A5877
นิธิ สัจจทิพวรรณ

เตือน 3 สิ่งควรระวัง เพื่อให้ร้านค้าอยู่รอดในโลกอีคอมเมิร์ซ

ถึงแม้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะมีการขยายตัว และเป็นขุมทรัพย์ตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ก่อนจะบุกทำตลาด ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ต้องเข้าใจทิศทางตลาดและผู้บริโภคให้ถ่องแท้ เพื่อระมัดระวัง เตรียมตัวรับมือ และสามารถอยู่รอดในโลกของอีคอมเมิร์ซในอนาคต ซึ่งหากเจาะลึกจะมี 3 อย่างที่ต้องทำความเข้าใจ ประกอบด้วย

1. Understand lifestyles not trend ต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์ของลูกค้าก่อน ไม่ใช่เทรนด์

เนื่องจากยุคดิจิทัล เทรนด์ตลาดหรือผู้บริโภค มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเชิงลึก จะทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าได้อย่างยั่งยืน เช่น ผู้บริโภคซื้อแอลกฮอล์ หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 และมองหาสินค้าอื่น เพื่อดูแลสุขอนามัย สะท้อนความต้องการสินค้าอื่นอย่างต่อเนื่อง

2. Understand journey not channels ต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ก่อนเลือกช่องทาง

การเข้าใจเส้นทางการซื้อสินค้าของผู้บริโภค (Customer journey) มีความสำคัญมาก เพื่อให้พ่อค้าแม่ขายสามารถนำเสนอสินค้าและบริการ โปรโมชั่น ผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Marketplace อย่างLazada, Shopee, JD Central Social Commerce อย่าง Facebook, Instagram หรือ ช่องทางเว็ปไซต์ ได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย

ปัจจุบันทุกช่องทางจำหน่ายมีความสำคัญเท่าๆกัน เพราะตอบโจทย์คนละอย่างกัน ไม่มีช่องทางออฟไลน์ หรือออนไลน์สำคัญกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน, Shopee, Lazada หรือFacebook เพราะแต่ละช่องทาง มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป ไม่ใช่ว่าทุกช่องทางจะเหมาะกับทุกคน

ตัวอย่างเช่น Marketplace เป็นการค้นหาสินค้าใหม่ ๆ โซเชียลคอมเมิร์ซ เป็นช่องทางอ้างอิงว่าสินค้าน่าเชื่อถือ และ Website หรือ Line @ เป็นช่องทางช่วยทำให้เกิดการซื้อซ้ำ แต่ละช่องทางคาแร็กเตอร์ต่างกัน ผู้คนที่เข้ามาในช่องทางแต่ละอัน ก็คาดหวังไม่เหมือนกัน เส้นทางการซื้อสินค้า (Customer journey) ต่างกัน

อีคอมเมิร์ซไทย

ดังนั้น ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ต้องทำความเข้าใจ เส้นทางการซื้อสินค้า ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ก่อน เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ โปรโมชั่นที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้า

3. Understand patterns not numbers ต้องเข้าใจรูปแบบไม่ใช่ตัวเลข

การขายสินค้าออนไลน์ค่อนข้างมีรูปแบบ อย่างการจัดโปรโมชั่น 11 11, 12 12 ของ Marketplace แบรนด์ต่าง ๆ หรือสถานการณ์ก่อนและหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะรู้ทิศทางสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการ สินค้าขายดี เช่น สินค้าแฟชั่น เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เมื่อถูกกระทบจากโควิดยอดขายจึงหดตัว เป็นต้น

ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ ไม่ควรยึดติดกับตัวเลขที่คาดการณ์ไปล่วงหน้า เพราะความไม่แน่นอน คือสิ่งที่แน่นอน แม้จะมีดาต้า ก็ไม่สามารถคาดการณ์อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก แต่การเข้าใจแพทเทิร์น ทำให้รู้ว่า หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ จะไม่พลาดอีก ทั้งนี้ ต้องระมัดระวังเรื่องการนำเงินไปลงทุน ต้องกระจายความเสี่ยง อย่าเพิ่งลงทุนหวังผลระยะยาว และความคุ้มค่า

สำหรับ 3 สิ่งที่พึงระวังดังกล่าว การใช้ข้อมูลหรือดาต้า ถือเป็นหัวใจสำคัญมาก ข้อมูลในอดีต เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการวางแผนงานได้แม่นยำ

อีคอมเมิร์ซไทย

MyCloudFulfillment ในฐานะผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจร มีจุดแข็งด้านดาต้าในกระบวนการ เก็บ แพ็ค ส่งที่ช่วยลูกค้าได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า ที่สามารถช่วยรวมออเดอร์ของแต่ละช่องทางการขายมาเป็นที่เดียว และ ช่วยให้จัดการข้อมูลการซื้อของลูกค้า จัดการช่องทางการขาย จัดโปรโมชั่นอย่างมีประสิทธิภาพ และ มองเห็นโอกาสการเติบโตได้

ล่าสุด MyCloudFulfillment ได้รับเงินลงทุน Series A มูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผู้ลงทุน ได้แก่ ECG-RESEARCH, Gobi Partners, NVest Venture และ SCB 10X พร้อมขยายธุรกิจรับช้อปปิ้งออนไลน์โต

สำหรับ เงินทุนจะนำไปใช้ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การพัฒนาระบบการจัดการด้านข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าที่เป็น ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ บริหารจัดสินค้า ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น และส่วนที่สองคือ การขยายฐานพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo