Business

‘บิ๊กตู่’ ชวนลงทุน อีอีซี ปั้นไทย ‘ศูนย์กลางโลจิสติกส์’ อาเซียน

ศูนย์กลางโลจิสติกส์ อาเซียน บิ๊กตู่ ชวนนักลงทุนเข้าไทย ปั้นระบบสาธารณูปโภค อีอีซี พร้อมคลื่นการลงทุน เดินหน้าเชื่อมไทย เชื่อมโลก 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยในการประชุมพร้อมมอบนโยบายการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ ที่จังหวัดชลบุรี ว่า โครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี (EEC) ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2560 โดยวางเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต และเป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์ อาเซียน

ศูนย์กลางโลจิสติกส์ อาเซียน

สำหรับ โครงการอีอีซี เป็นโอกาสในการลงทุน และเป็นความท้าทายของรัฐบาล ในการจะขับเคลื่อนแผนพัฒนาประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย ทั้งคนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ แม้ว่าจะเจอกับปัญหาที่เพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมา โครงการอีอีซี ได้รับความสนใจ จากนักลงทุนทั่วโลก มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ในพื้นที่ อีอีซี เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ช่วงวิกฤติ โควิด-19 การลงทุนใน อีอีซี ก็ยังอยู่ในระดับสูง โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีคำขอรับการส่งเสริมใน อีอีซี จำนวน 277 โครงการ และมีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 85,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 54% ของคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งประเทศ

ทั้งนี้ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่าง ๆ ใน อีอีซี ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการเมืองการบินอู่ตะเภา โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด รวมทั้งโครงการพัฒนาเขตนวัตกรรม EECi ที่จังหวัดระยอง ได้ผู้ชนะการประมูลครบถ้วนแล้ว

ศูนย์กลางโลจิสติกส์ อาเซียน

นายกรัฐมนตรี ยังเชิญชวนนักลงทุน ทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งการลงทุนในไทย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อม ทั้งด้านโลจิสติกส์ ระบบรถไฟความเร็วสูง สาธารณูปโภค แหล่งน้ำเพื่อการบริโภคและอุตสาหกรรม รวมทั้งแรงงานฝีมือ ทั้งในและนอกระบบ เพื่อตอบสนองการลงทุนของภาคเอกชน

“ขอเชิญชวนให้เอกชน แสวงหาโอกาส หรือเพิ่มการลงทุน ที่ก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ผลิตภัณฑ์สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ไปจนถึงอุตสาหกรรมด้านการแพทย์ เกษตรและอาหาร ซึ่งไทยพร้อมและมีศักยภาพ”นายกรัฐมนตรี กล่าว

ขณะเดียวกัน แม้ในช่วง โควิด-19 รัฐบาลไม่เคยหยุดคิด ยังคงมุ่งทำงานเพื่อวางรากฐานประเทศให้ขับเคลื่อนต่อไป ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่ ในการส่งเสริมการลงทุน ของนักลงทุน ทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ทุกการลงทุนในทุกพื้นที่ทั้ง อีอีซี และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ระดมทุกฝ่าย ให้เข้ามาช่วยกัน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม ผ่านทางมาตรการด้านการเงิน และการคลัง รวมทั้งเร่งส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานใหม่

ศูนย์กลางโลจิสติกส์ อาเซียน

สำหรับการประชุมแนวทาง การ เชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบัง กับนานาชาติ ร่วมกับหัวหน้าหน่วยงานและองค์กรของไทย ที่ประชุมได้รายงานแผนงาน เชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบัง กับนานาชาติ ประกอบด้วย โครงการท่าเรือบก (Dry Port) ให้เป็น One Stop Service ด้านโลจิกสิตส์และศุลกากร

ทั้งนี้ จะเน้นการเชื่อมโยงการขนส่ง 2 ระบบ โดยเฉพาะระบบราง บรรเทาการจราจรทางถนน และลดความคับคั่งของท่าเรือ โครงการเชื่อมโยงอ่าวไทย-อันดามัน หรือ Land Bridge ด้วยท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่ง ทั้งชุมพรและระนอง โดยมีถนนหลัก Motorway ราง และรถไฟ เป็นตัวเชื่อม ลดต้นทุนทางขนส่งของประเทศ รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถเชื่อมโยง BIMSTEC และทะเลจีนใต้ในอนาคต และโครงการสะพานไทย

นายกรัฐมนตรี ได้มอบหลักการสำคัญ การศึกษาทั้ง 3 โครงการ ว่า ต้องสร้างความเชื่อมโยง ให้เห็นความคุ้มค่าในการลงทุน สามารถสร้างผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจระหว่างทางด้วย ด้วยรูปแบบการลงทุนแบบ PPP เพื่อประหยัดงบประมาณ และนำเงินไปช่วยเหลือประชาชน โดยทุกอย่างต้องโปร่งใส ไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน โดยยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo