Business

ไทยเบฟ สาน ‘Vision 2020’ ก้าวสู่ ‘PASSION 2025’ รับโควิดซัดวูบ 14%

ไทยเบฟ ก้าวสู่ “PASSION 2025” ต่อยอด “Vision 2020” รับพิษโควิดกระทบธุรกิจ 14% ย้ำผู้นำเครื่องดื่มครบวงจรในอาเซียน เดินหน้าใช้ดิจิทัลเสริมแกร่ง

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มไทยเบฟ พร้อมที่จะก้าวไปสู่ก้าวที่แข็งแกร่งกว่าเดิม โดย ไทยเบฟ ก้าวสู่ “PASSION 2025” โดยต่อยอดความสำเร็จจาก “Vision 2020” เพื่อให้สอดรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

cover ฐาปน สิริวัฒนภักดี

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ช่วงวิกฤติโควิด เป็นช่วงที่ยากลำบาก และส่งผลกระทบต่อภาพรวมของ กลุ่มธุรกิจไทเบฟ ที่ได้รับผลกระทบ14% เนื่องจากการ Work from Home รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีผลต่อธุรกิจของไทยเบฟเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ “PASSION 2025” ไทยเบฟ จึงมีแผนในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า ภายใต้ 3 แนวทางหลัก ได้แก่

  • BUILD การสรรสร้างความสามารถ และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยต่อยอดจากพื้นฐานธุรกิจที่มีอยู่
  • STRENGTHEN เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก เพื่อรักษา และก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน
  • UNLOCK นำศักยภาพของไทยเบฟที่มีอยู่มาก่อให้เกิดพลังสูงสุด

 

ไทยเบฟ ก้าวสู่ "PASSION 2025"นอกจากนี้ ในช่วงวิกฤติ ไทยเบฟได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติพิเศษในสถานการณ์ COVID-19 หรือ ThaiBev Situation Room (TSR) เพื่อเป็นศูนย์ติดตามข้อมูลข่าวสาร และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงติดตามการดำเนินงานของกลุ่มไทยเบฟ ให้สามารถผลิต และจัดส่งสินค้าได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน ยังนำเอารูปแบบการปฏิบัติงาน ในระบบดิจิทัล มาเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้มากกว่า 95% ของพนักงานบริษัท สามารถเข้าสู่กระบวนการทำงานของระบบดิจิทัลได้

นายฐาปน กล่าวถึง ผลของ “Vision 2020” ปี 2557-2563 ว่า ส่งผลให้ยอดขายและกำไร เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้ไทยเบฟ เป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น สุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และ อาหาร รวมถึงการดำเนินงานของหน่วยงานสนับสนุนธุรกิจ

ที่สำคัญคือ ไทยเบฟ ยังคงความเป็นผู้นำในธุรกิจสุรา ในธุรกิจเบียร์ โดยเมื่อรวมยอดขายของเบียร์ในประเทศไทย และในประเทศเวียดนาม ถือได้ว่า มีปริมาณยอดขายเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อาทิ ชาเขียวโออิชิ น้ำดื่มคริสตัล และขับเคลื่อนธุรกิจอาหารจนทำให้เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย

ไทยเบฟ

ขณะเดียวกัน ไทยเบฟยังให้ความสำคัญในเรื่องของ ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไทยเบฟได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices -DJSI เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เป็น Word Industry leader ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และได้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หรือกลุ่มตลาด เกิดใหม่ เป็นปีที่ 4

“วันนี้ กลุ่มไทยเบฟ พร้อมที่จะก้าวไปสู่ก้าวที่แข็งแกร่งกว่าเดิม”นายฐาปนกล่าว

กลุ่มสุรา ออกสินค้าใหม่ “Phraya Elements” 

นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจสุราในเมืองไทย ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้ดีเหมือนเดิม โดยแสงโสมเติบโตกว่า 14% เบลนด์ 285 ซิกเนเจอร์ เติบโตถึง 37% และ เมอริเดียนบรั่นดี เติบโตถึง 50% มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8%

ในปีนี้ กลุ่มธุรกิจสุรา ยังได้มีการออกผลิตภัณฑ์ Phraya Elements สุราระดับพรีเมียม ที่ผ่านการเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ค ในบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม เน้นวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด

ด้านกลุ่มธุรกิจเบียร์ จะเน้นการขยายฐานลูกค้าทางภูมิศาสตร์ของเบียร์ช้าง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาค รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปสู่เมืองที่สำคัญต่าง ๆ ในต่างประเทศ ในแง่ของการขยายตัวในระดับภูมิภาค หลังจากเริ่มผลิตในประเทศเมียนมา เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ จะเน้นการสร้างคุณค่าของตราสินค้า โดยใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างแบรนด์เบียร์ช้าง รวมถึงการเข้าถึงผู้บริโภคในระดับสากลโดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยได้มีการสร้างแคมเปญสำหรับผู้บริโภคเพื่อเสริมสร้างความตื่นเต้น และความสัมพันธ์ทีดี รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งต่อกลุ่มเป้าหมายในระดับสากล

ซาเบโก้

ซาเบโก้ เวียดนาม เดินหน้าโครงการซาเบโก้ 4.0

สำหรับซาเบโก้ และกลุ่มอุตสาหกรรมเบียร์ในเวียดนาม ในปี 2563 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายจากการแพร่ระบาดโควิด -19 ทั่วโลก ทำให้ต้องมีแผนการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ และสามารถกู้สถานการณ์ให้เริ่มฟื้นตัวได้เป็นลำดับในช่วงไตรมาสที่ 2 จากการบริหารภายใต้กลยุทธ์หลักต่อไปนี้

  • การขาย ขยายช่องทางจำหน่ายไปยังร้านค้าปลีก และยังเน้นการขายให้กับผู้บริโภคในร้านค้าปลีกและการขายปลีกสมัยใหม่ รวมทั้งเร่งการสร้างช่องทางการขายผ่านทางออนไลน์อีกด้วย
  • การตลาด เนื่องในโอกาสครบ 145 ปี ของซาเบโก้ เบียร์ Bia Lac Viet ได้ถูกผลิตและจำหน่ายเพื่อฉลองครบรอบ 145 ปี ในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ ยังมีการทดลองขายผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งจะได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในต้นเดือนตุลาคมนี้
  • การผลิต สายการผลิตกระป๋องใหม่ ซึ่งมีกำลัง การผลิตอยู่ที่ 60,000 กระป๋องต่อชั่วโมง ได้เริ่มการใช้งานอย่างเป็นทางการในเดือน มิถุนายน ที่ โรงผลิตเบียร์ Saigon Quang Ngai อันบริษัทย่อยของซาเบโก้ เพื่อป้อนตลาดเวียดนาม
  • ห่วงโซ่อุปทาน เริ่มนำระบบ Warehouse Management System (WMS) มาใช้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการคลังสินค้า และจะนำระบบ Transport Management System (TMS) อันเป็นระบบการบริหารจัดการการขนส่งมาใช้เป็นลำดับต่อไป
  • ซาเบโก้ 4.0 การบริหารจัดการธุรกิจด้วยดิจิทัล โครงการซาเบโก้ 4.0 ซึ่งเป็นการริเริ่มระดับกลุ่มบริษัทได้เริ่มดำเนินการ เมื่อเดือน มิถุนายน เน้นเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน และการบริหารจัดการ ด้วยการรวมศูนย์การบริหารจัดการ
  • การลดค่าใช้จ่าย มีการบริหารจัดการด้านการเงินอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านวัตถุดิบ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านการขนส่ง และการเช่าสถานที่”

190819085706 OISHI GT side

กลุ่มอาหาร รุกตลาดซื้อกลับบ้าน – เดลิเวอรี่

ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอาหารเครือไทยเบฟ คือ โออิชิ ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจ ปรับแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤติโควิด-19 เร่งขยายช่องทางการขายแบบ Takeaway และ Delivery ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว รุกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และรูปแบบบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค อย่างแม่นยำและเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด

กลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจอาหารในปี 2564 ได้แก่

1. การขยายสาขาในรูปแบบต่าง ๆ ให้เหมาะกับสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

2. กลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นการขยายช่องทางการให้บริการหลายรูปแบบ นอกเหนือจากรูปแบบของการนั่งทานที่ร้าน เช่น ช่องทางการจัดส่งถึงบ้าน (Home Delivery), Take home/Pick up, ไดร์ฟทรู และอื่น ๆ

3. การนำเอาดิจิทัลและเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อสามารถสร้างประสบการณ์ ความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้แบบ Personalization และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงานมากยิ่งขึ้น

4. Heath & Well-being มุ่งเน้นพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่อง สุขภาพ-ความปลอดภัย 5.การเสริมสร้างบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพด้านทักษะ ความชำนาญในการทำงาน เพื่อพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่มีความคล่องตัวสูง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo