Business

ครม. เล็งเคาะ ‘เพิ่มวันหยุด’ หนุนอีคอมเมิร์ซไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่

เพิ่มวันหยุด หนุนอีคอมเมิร์ซไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่ นายกฯ แนะไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ลดพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยว ดันลงทุนในประเทศ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า เตรียมหารือกับคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา เพิ่มวันหยุด ให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ ให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้

เพิ่มวันหยุด

ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่า ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา มีการท่องเที่ยว มีการหมุนเวียนใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้ธุรกิจหลายๆอย่างดีขึ้น จึงขอให้ทุกคนได้ช่วยกันท่องเที่ยวในประเทศ เพราะจะทำให้ห่วงโซ่ต่างๆ ในประเทศขับเคลื่อนไปได้ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีเท่าเดิม อย่างน้อยก็ต่อลมหายใจกันและกัน

ส่วนความคืบหน้า ภูเก็ตโมเดล และการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ในเดือนตุลาคม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเน้นให้คนไทยท่องเที่ยวภายในประเทศไปก่อน ส่วนการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น คงจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้ง และยังไม่ได้พับโครงการนี้

นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือร่วมกันระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริม แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของไทย ที่มีอยู่ ให้มีการใช้งานได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

“วันนี้ รัฐบาลมุ่งเน้นปรับปรุงสร้างเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่ต้องพึ่งพาการส่งออก การท่องเที่ยว แต่การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลง อาจต้องจัดทำโครงการขนาดใหญ่ เพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น”พลเอก ประยุทธ์ กล่าว

ประยุทธ์
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พร้อมกันนี้ ยังเดินหน้าโครงการ อีอีซี ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเชื่อมการขนส่งระหว่างฝั่งตะวันออกและตะวันตก ท่าเรือต่าง ๆ ระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ด้วยการศึกษา Land Bridge เพื่อสร้างรากฐานแก่เศรษฐกิจระยะยาว

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบแผนงานโครงการต่าง ๆ ตามพ.ร.ก. เงินกู้ฯ พร้อมปรับปรุงกฎหมาย ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พบปะภาคเอกชน 3 กลุ่ม ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ เพื่อรับทราบข้อคิดเห็น และดูว่ารัฐบาล จะสนับสนุนส่วนไหนได้บ้าง ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกัน โดยจุดมุ่งหมายสำคัญคือ ลดการเลิกจ้างงานพนักงานให้มากที่สุด โดยรัฐบาลจะจัดหางบประมาณเพิ่มเติม เพื่อดูแลลูกจ้าง พนักงาน ในห่วงโซ่ผู้ประกอบการรายใหญ่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงเศรษฐกิจโดยรวมว่า มีการปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ จากการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ โดยกระทรวงพาณิชย์ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ในเดือนสิงหาคม ลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลงน้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน รวมถึงราคาอาหารสดดีขึ้นตามลำดับ

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ ดีขึ้น อยู่ที่ 31.34 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แม้พบผู้ติดเชื้อ แต่ระบบของสาธารณสุข ก็สามารถติดตามกลุ่มเสี่ยงเพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรอง ซึ่งยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังให้เพิ่มกำลังตามพื้นที่แนวชายแดน เพื่อป้องกันผู้ที่ลักลอบเข้าประเทศ อย่างผิดกฎหมาย

วัคซีนโควิด ๒๐๐๙๐๘

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า ประเทศไทยได้เข้าร่วมการพัฒนาวัคซีน ร่วมกับต่างประเทศ โดยมีงบประมาณ 1,000 ล้านบาท จากกองทุนวัคซีนแห่งชาติ สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ อาทิ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ก็ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ต่างจากประเทศไทย ซึ่งทุกประเทศมีมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมจ้างงาน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน

ในส่วนของการสนับสนุนการ จ้างงาน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบมาตรการ ในการ จ้างงาน นิสิต นักศึกษา จบใหม่ประมาณ 260,000 ตำแหน่ง ระยะเวลา 12 เดือน ทั้งระดับปวช. ปวส. และปริญญาตรี รวมทั้ง จ้างงาน ในภาคส่วนอื่นอีก รวมแล้วประมาณ 1 ล้านตำแหน่ง ซึ่งมีการจัด Work Expo โดยกระทรวงแรงงาน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ลดค่าครองชีพ ดูแลผู้ประกอบรายย่อย โดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอย พ่อค้า แม่ค้า ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะจัดทำรายละเอียด เพื่อนำเสนอหลักการแก่คณะรัฐมนตรี ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดเตรียมระบบในการจ่ายเงิน ให้มีความพร้อมก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ในการใช้จ่ายซื้อสินค้า กับร้านค้าปลีกและพ่อค้า แม่ค้าหาบเร่ แผงลอย ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo