Business

วิเคราะห์หุ้น CPALL เมื่อกำไรต่ำสุดในรอบ 6 ปี 

หุ้น CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่มีธุรกิจหลักร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และร้านค้าส่งแม็คโคร ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 โดยมีรายได้รวม 128,027 ล้านบาท ลดลง 10.6% จากช่วงปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,887 ล้านบาท ลดลง 39.8% จากช่วงปีก่อน 

สถิติที่น่าสนใจ คือ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ CPALL มีกำไรสุทธิต่อไตรมาสต่ำกว่าระดับ 3,000 ล้านบาท เนื่องจากครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2557 เลยทีเดียว 

ผลประกอบการ CPall 01

ทั้งนี้ ตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2 ของ CPALL ไม่ได้เซอร์ไพรส์ตลาดเท่าไหร่นัก เพราะถูกคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วว่าคงเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบพอสมควร ทั้งจากมาตรการ Lockdown, ประเด็นงดขายแอลกอฮอล์ 1 เดือน, ผลกระทบจากคนเดินทางน้อยลง และการที่ผู้บริโภคหันไปสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้น 

 

ถึงขนาดที่่ว่าก่อนหน้านี้มีบางบทวิเคราะห์ได้ประเมินว่าหุ้นใหญ่ CPALL อาจต้อง “ขาดทุน” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาด อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของ CPALL ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ก็ยังสามารถยืนระยะทำกำไรได้อยู่

สรุปไฮไลต์สำคัญไตรมาส 2 หุ้น CPALL

เมื่อไล่เรียงดูงบการเงินของบริษัทอย่างละเอียด พบว่าปัจจัยหลักที่ทำให้ผลกำไรไตรมาสนี้ หดตัวลง คือ ยอดขายสาขาเดิม Same Store Sales Growth (SSSG) ที่ลดลง 20.2% พูดตรงๆ คือเป็นตัวเลขที่เยอะมาก และไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ  ก็สอดคล้องมาจากจำนวนลูกค้าร้านต่อวันต่อสาขาที่ลดลงมาอยู่ที่ 841 คน หายไปประมาณ 31% จากปีก่อน เนื่องจากการจำกัดเดินทางข้ามจังหวัด เคอร์ฟิวช่วงกลางคืน การห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการเลื่อนวันหยุดสงกรานต์

แม้จะได้รับผลบวกอยู่บ้าง จากยอดการซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้น 14.5% เป็น 79 บาท จากปกติอยู่ที่ 70 บาท เพราะมีการขายผลิตภัณฑ์แพ็กใหญ่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยชดเชยรายได้ก้อนใหญ่ที่หายไปได้ มาดูกันที่จำนวนการเปิดสาขาใหม่กันบ้าง 7-Eleven ขยายสาขาเพิ่ม 106 สาขา ส่งผลให้จำนวนสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 12,089 สาขา เป็นจำนวนที่น้อยน้อยกว่าค่าเฉลี่ย เพราะปกติแล้ว CPALL วางแผนจะเปิดสาขาใหม่ไตรมาสละประมาณ 225 สาขา 

02 3

ด้านตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ออกมาเป็น ดังนี้ 

GPM ลดลงจาก 22.5% เหลือ 21.5%

NPM ลดลงจาก 3.3% เหลือ 2.3%

จะเห็นว่าที่กำไรลดลงพอสมควร เกิดจากการกดดันของอัตรากำไรสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และ Personal Care ที่เป็นสินค้ามาร์จิ้นสูง

เรื่องที่ต้องจับตาต่อไปของหุ้น CPALL

1. จำนวนเงินปันผล 

CPALL ขึ้นชื่อเรื่องการจ่ายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาหลายปี โดยปีล่าสุดมีจำนวนเงินปันผลที่ 1.25 บาทต่อหุ้น คำถามคือการที่กำไรบริษัทหดตัวลงแบบนี้ CPALL จะยังสามารถควักกระเป๋าจ่ายปันผลระดับเดิมได้หรือไม่

2. แผนขยายสาขา

CPALL ยังคงตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ที่ 700 สาขาในปี 2563 แต่ครึ่งปีเปิดไปได้เพียง 377 สาขา จุดที่น่าสนใจคือ ปกติแล้ว CPALL มักจะไม่เปิดสาขาเยอะในครึ่งปีหลัง เพราะจำเป็นต้องใช้เงินอัดโปรโมชันปลายปี  CPALL จึงอาจทำให้ SG&A จะบวมได้นั่นเอง

3. ปิดดีล Tesco Lotus

นักลงทุนต้องอย่าลืมว่า CPALL มีแผนจะปิดดีล Tesco Lotus ประมาณช่วงปลายปีนี้ โดยมีมูลค่า 90,000 ล้านบาท แน่นอนว่าบริษัทต้องวางแผนเรื่องกระแสเงินสดให้ดี ว่าดึงส่วนไหนมาโปะส่วนนี้ หรืออาจจะต้องมีการเฉือนหุ้น MAKRO ออกไปบางส่วนก็เป็นไปได้ ?

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo