Business

จ่อชงปรับเงื่อนไข ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ หวังช่วยผู้ประกอบการ-กระตุ้นเศรษฐกิจ

เราเที่ยวด้วยกัน จ่อชง “รมว.คลัง” คนใหม่ปรับเงื่อนไข หวังช่วยผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยว-กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. เตรียมเสนอปรับเงื่อนไขมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ให้นายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่พิจารณา เพื่อให้มาตรการมีผลช่วยผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่อง กับธุรกิจท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงทำให้มาตรการ มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในภาพรวมด้วย

ทั้งนี้ ปัญหาของมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ขณะนี้ คือ จำนวนที่พักโรงแรมที่มีอยู่ 5 – 6 หมื่นแห่ง แต่มาเข้าร่วมโครงการเพียง 5 – 6 พันแห่งเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาที่พัก เข้าโครงการในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือ เทศกาลหยุดยาวที่พักเต็ม ทำให้ประชาชนที่มาจองสิทธิ์ เราเที่ยวด้วยกัน ไว้ ไม่สามารถจองที่พักในโครงการได้

เราเที่ยวด้วยกัน

ดังนั้น คลังจะเสนอให้ รมว.การคลัง คนใหม่ผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่พัก โรงแรม ที่จดทะเบียนการค้าอยู่ในระบบภาษี แต่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ให้เข้าร่วมโครงการมาตรการเราเที่ยวดัวยกันได้ ซึ่งจะแก้ปัญหาห้องพักเต็ม คนที่ได้จองสิทธิ์ไว้ สามารถจองที่พักได้ โดยโครงการนี้ยังมีเวลาจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การให้ที่พัก ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ ที่รัฐบาลต้องเลือกว่า ตอนนี้จะเลือกทำถูกกฎหมาย หรือ ว่าจะเลือกกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่ง สศค. เลือกที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการยอมให้ผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตประกอบการค้า แต่ไม่มีใบอนุญาตประกอบโรงแรมเข้ารวมโครงการเราเที่ยวด้วยกันได้ 

แต่ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไม่มีใบประกอบธุรกิจการค้า ไม่อยู่ในระบบภาษี คงไม่สามารถให้ร่วมโครงการได้ โดยจะเสนอให้ รมว.การคลัง ใหม่ทันทีที่เข้ามาทำงาน

นายลวรณ กล่าวว่า สำหรับโรงแรมที่พักที่เข้าโครงการอยู่แล้ว ก็ต้องการให้ดำเนินการให้ถูกต้อง ที่ผ่านมา สศค. ได้เพิกถอน โรงแรม 1 แห่ง ออกจากโครงการ เพราะต้องการเตือนไม่ให้ผู้ประกอบการรายอื่นเอาเป็นแบบอย่าง และต้องการบอกว่า ระบบของธนาคารกรุงไทย สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ว่า มีการจองห้องพักที่ผิดปกติ นำไปสู่การทำผิดเงื่อนไขหรือไม่ โดยระบบจะเตือนขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตาม กระทรวงคลัง จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบในพื้นที่ทันที โดยกรณีที่มีปัญหา พบว่า มีห้องพัก 50 ห้อง มีการจองเต็มทุกคืน และแต่ละคนจอง 5 คืน เกือบทั้งหมด ซึ่งทั้งสัปดาห์ ก็ควรมียอดจองได้สูงสุด 350 คืน แต่ปรากฎว่ามีการยอดของทั้งสัปดาห์ 500 – 600 คืน ซึ่งระบบได้แจ้งเตือนทันที

นอกจากนี้ ยังตรวจพบว่า โรงแรมดังกล่าวไม่มีร้านอาหาร แต่มีการใช้วงเงิน 600 บาท ในกระเป๋าตังค์ โดยผู้เข้าพักทานอาหาร 1,500 บาท จ่ายเงินจริง 900 บาท ที่เหลืออีก 600 บาท ตัดจากวงเงินที่รัฐจ่ายให้คืนละ 600 บาท ซึ่งคลังได้ระงับการจ่ายเงินค่าที่พักและค่าอาหารในทันที ทำให้ยังไม่เกิดความเสียหาย

“อยากให้โรงแรมที่พัก ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่อยากให้มีการทำผิด เพราะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะระบบสามารถตรวจจับความผิดปกติและจะแจ้งเตือนขึ้นมาทันที” นายลวรณ กล่าว

เราเที่ยวด้วยกัน

นายลวรณ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จากรัฐบาลได้เริ่มโครงการเราเที่ยวด้วยกันตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ในภาพรวมมีผลตอบรับในทางที่ดี มีประชาชนสนใจลงทะเบียนถึง 4.76 ล้านราย ลงทะเบียนสำเร็จ 4.51 ล้านราย และมีโรงแรมสนใจเข้าร่วมโครงการ 6,815 แห่ง กระจายตัวอยู่ครบในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

โดยเมืองหลักที่มีโรงแรมสนใจเข้าร่วมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์ และเมืองรองที่มีโรงแรมสนใจเข้าร่วมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชียงราย จันทบุรี น่าน นครศรีธรรมราช และตราด

ทั้งนี้ มียอดการจองโรงแรมแล้ว 391,731 ห้อง จ่ายเงินจองเรียบร้อยแล้ว 388,461 ห้อง ซึ่งในจำนวนนี้มีโรงแรมที่มีการจองห้องพักแล้วจำนวน 3,465 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งของจำนวนโรงแรมที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ส่วนราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนอยู่ที่ 2,950 บาท

นอกจากนี้ หลังจากเราได้เปิดให้ร้านค้าโอทอป (OTOP) เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563 พบว่า มีร้านค้าโอทอปสนใจเข้าร่วมถึง 453 แห่ง โดยกระทรวงการคลังได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบพบผู้ประกอบการที่พักขนาดเล็ก 1 แห่งที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยอาจเข้าข่ายทุจริตจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

จากการตรวจสอบพบว่า ที่พักดังกล่าวมียอดการจองห้องพักเต็มตลอดเวลา และเกินกว่าจำนวนห้องพักที่มีอยู่ รวมทั้งผู้เข้าพักมีประวัติการใช้คูปอง หรือ E-Voucher สำหรับการซื้ออาหารในที่พัก ในขณะที่โรงแรมดังกล่าวไม่มีห้องอาหารไว้ให้บริการแก่ผู้เข้าพัก ขณะนี้ได้ทำการระงับการจ่ายเงินสนับสนุนค่าที่พักในสัดส่วน 40% ของราคาที่พัก และ E-Voucher แล้ว และจะพิจารณาตัดสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo