Business

จีนพิพาทอินเดีย เปิดช่องสินค้าไทย ‘คว้าโอกาส’ เจาะอินเดียแทนที่จีน

จีนพิพาทอินเดีย ชี้ช่องโอกาสสินค้าไทยเสียบตลาดอินเดีย แนะสินค้าของใช้ในบ้านและสำนักงาน มีศักยภาพทำตลาด ส่องธุรกิจลงทุน อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร

จากปัญหา จีนพิพาทอินเดีย กรณีการแบ่งดินแดนในที่ราบสูงอักไสชิน (Aksai Chin) ที่มีกันมาอย่างยาวนาน และมาปะทุขึ้น จนกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องจนถึงการค้าระหว่างประเทศ

จีนพิพาทอินเดีย

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จีน เคยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับหนึ่ง ของอินเดีย มีสัดส่วนประมาณ 12% ของการนำเข้าทั้งหมด โดยในปีงบประมาณ 2563 (เม.ย. 62- มี.ค. 63) อินเดียนำเข้าจากจีนเป็นมูลค่า 65,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่อินเดียส่งออกไปจีนได้เพียง 5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของอินเดีย

ตัวเลขนี้ สะท้อนถึงการพึ่งพาสินค้าจีน และเมื่อห่วงโซ่การผลิตจากจีน ต้องสะดุดไป ในช่วงโรคระบาดของโควิด-19 ช่วงเริ่มต้นของการล็อคดาวน์เมื่อเดือนมีนาคม กระทรวงพาณิชย์ของอินเดีย ได้ระบุรายการสินค้ามากถึง 1,050 รายการ ที่อินเดียมีความเสี่ยง จะได้รับผลกระทบ จากโรคระบาดในจีนและฮ่องกง โดยได้มอบหมายให้ ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ประสานหาแหล่งนำเข้าสำรอง จากประเทศอื่น ๆ

นอกจากนี้ อินเดียยังมีแนวคิดที่จะลดการพึ่งพา สินค้าจากจีนและฮ่องกง ประกอบกับ แนวโน้มเศรษฐกิจของอินเดียเอง ที่ต้องการผลักดันการผลิต และการบริโภค ภายในประเทศให้สามารถพยุงเศรษฐกิจ ในช่วงผลกระทบของ โควิด-19

นายกรัฐมนตรีโมดีจึงได้ประกาศนโยบาย Atmanirbhar Bharat (‘อัตมานิรภาร์ ภารัต’ หรือ อินเดียที่พึ่งพาตนเอง) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้ ภาครัฐและเอกชน เร่งพัฒนาการผลิต และใช้สินค้าของอินเดียให้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้า ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ

จีนพิพาทอินเดีย
Group of Indian people are using computer laptop

ที่ผ่านมา อินเดีย ต้องนำเข้าวัตถุดิบขั้นกลาง ของสินค้าจำเป็น อาทิ สารประกอบในการผลิตยาซึ่ง 70% เป็นการนำเข้าจากจีน รวมถึงเวชภัณฑ์ ปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ ชิ้นส่วนของเครื่องฟอกอากาศ และเครื่องทำความเย็น รวมถึงสินค้า ที่อินเดียนำมาผลิต เพื่อส่งออกอีกหลายรายการ

สินค้าไทยประเภทใดจะแทนที่จีนได้

ข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ แนะนำว่า สถานการณ์ช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสของไทย ในการเข้าไปเจาะตลาดอินเดียแทนที่จีน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าของใช้ในบ้าน และสำนักงาน อาทิ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ รถยนต์ อุปกรณ์สื่อสาร และ อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  ตลอดจนที่นอน เครื่องแก้ว เสื้อผ้าและเส้นใย ของเล่นพลาสติก อุปกรณ์กีฬา นาฬิกาข้อมือและแขวนผนัง แชมพูและครีมนวดผม ลิปสติก แป้งทาหน้าและน้ำหอม ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์ไม้ และกระดาษ วัสดุบรรจุภัณฑ์

re 04 1

อย่างไรก็ตาม ไทยก็ยังมีคู่แข่งสำคัญในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งแม้ว่าไทยเองจะมีข้อได้เปรียบ ในด้านความประณีต ทางด้านฝีมือแรงงาน และเทคโนโลยีทันสมัย แต่ยังต้องให้ความสำคัญ ในเรื่องของคุณภาพ และการบริการ ทั้งก่อนและหลัง การซื้อสินค้าด้วย

นอกจากสินค้ารายผลิตภัณฑ์แล้ว ในแง่ของธุรกิจ ก็ยังมีช่องว่างให้ประเทศไทย เข้าไปลงทุนทำธุรกิจ โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร ซึ่งอินเดียมียุทธศาสตร์ ที่จะมุ่งสู่การเป็น World Food Factory นักลงทุนต่างชาติ (FDI) จะได้รับการสนับสนุน และอำนวยความสะดวก จากรัฐบาลท้องถิ่น

ทั้งนี้ อาจนำสินค้าจากไทย เข้ามาใช้ในการผลิตด้วย รวมถึงธุรกิจบริการด้านอุตสาหกรรม ที่จะเข้าไปสนับสนุน การยกระดับอุตสาหกรรมในอินเดีย และการร่วมลงทุน กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในแต่ละรัฐ

re 05

การค้าระหว่างประเทศในอินเดีย ยังคงน่าจับตามอง เพราะเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญของไทย ที่จะขยายตลาดได้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจาก เครื่องปรับอากาศ, เครื่องจักรกล, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูป, ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และยางพารา ที่มีการส่งออกอยู่แล้ว ผู้ประกอบการ ควรหาช่องว่างทางการตลาด และติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคภายในประเทศอินเดีย อย่างใกล้ชิด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo