Business

เปิดโครงการ ‘ช่างผมอุ่นใจ’ เยียวยาร้านตัดผม – ซาลอนขนาดเล็ก ทั่วประเทศ

ช่างผมอุ่นใจ โครงการช่วยเหลือเจ้าของร้านบาร์เบอร์ ร้านซาลอนขนาดเล็ก ในจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อสูงที่สุด ตั้งเป้า 1,000 ราย เน้นปลอดภัย ฟื้นเชื่อมั่นลูกค้า

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า พม.ได้ร่วมกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (United Nations Development Programme) หรือ UNDP และสมาคมช่างผมเสริมสวย 6 สมาคม จัดโครงการ “ช่างผมอุ่นใจ” เพื่อช่วยเหลือร้านทำผม ตัดผม (บาร์เบอร์ และซาลอน) ขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

ช่างผมอุ่นใจ

ทั้งนี้เนื่องจาก สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศและประชาชนได้รับความเดือดร้อนในวงกว้าง รวมทั้งสถานประกอบการจำนวนมากที่ต้องหยุดกิจการชั่วคราวหรือปิดกิจการลง และเมื่อสถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลง ประชาชนทุกคน ยังคงต้องระมัดระวังพฤติกรรม และการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้เกิดพฤติกรรมแบบใหม่ หรือ พฤติกรรมในยุค New Normal ที่ทุกคนในสังคมจำเป็นต้องปรับตัว

สำหรับภาคธุรกิจนั้น พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค จะส่งผลกระทบต่ออาชีพแบบดั้งเดิม จนกระทั่งทำให้ถูกลดทอน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบไปในที่สุด ซึ่งธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง คือ “กิจการร้านเสริมสวย” ที่ต้องปรับรูปแบบบริการ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ในมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย รวมถึงการที่ต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ส่งผลให้ต้นทุนการประกอบกิจการเพิ่มสูงขึ้น

กระทรวง พม. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ของผลกระทบดังกล่าว จึงได้ดำเนินโครงการ “ช่างผมอุ่นใจ” ร่วมกับ UNDP และสมาคมช่างผมเสริมสวย 6 สมาคม เพื่อช่วยเหลือเจ้าของร้านบาร์เบอร์ และร้านซาลอนขนาดเล็ก (จำนวน 1-3 เก้าอี้) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อสูงที่สุด (ข้อมูล ณ วันที่ 17 กรกฏาคม 2563) ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต นนทบุรี ยะลา สมุทรปราการ และจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ รวมจำนวน 1,000 ร้าน

ช่างผมอุ่นใจ

“เป้าหมายของโครงการ ช่างผมอุ่นใจ คือ ให้ร้านเสริมสวยขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด สามารถดำเนินกิจการได้อย่างปลอดภัยตามมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล โดยปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยของร้านบาร์เบอร์และซาลอน”นายจุติ กล่าว

ความร่วมมือครั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการร้านเสริมสวยตัดผมขนาดเล็ก จะได้รับโอกาสอบรมหลักสูตร ที่จำเป็นในวิถีความปกติใหม่ สำหรับร้านเสริมสวย โดยวิทยากรจากสมาคมช่างผมเสริมสวย 6 สมาคม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านช่างผมที่มีชื่อเสียง และจะได้รับ “ถุงช่างผมอุ่นใจ” สนับสนุนโดย UNDP นับว่าเป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนในวงกว้าง

นายเรอโน เมเเยร์ กล่าวว่า กิจการร้านเสริมสวย ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และมาตรการปิดเมือง เนื่องจากร้านบาร์เบอร์และซาลอน ต้องปิดทั้งหมด โดยเฉพาะร้านขนาดเล็ก ที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ภายหลังจากมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง

ดังนั้น UNDP จึงได้ร่วมกับกระทรวง พม. และสมาคม ช่างผมและเสริมสวยมืออาชีพ ขับเคลื่อน โครงการช่างผมอุ่นใจ เพื่อช่วยเหลือช่างบาร์เบอร์ และช่างซาลอนในร้านขนาดเล็ก ให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจ ด้วยความเชื่อมั่นในการรักษามาตรฐานสูงสุด ด้านสุขอนามัย และความปลอดภัย ทั้งสำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการร้าน

ผม

หลังจากผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ผู้สมัครทั้ง 1,000 ร้านค้า จะได้เข้าร่วม 3 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่

  • เรียนรู้การป้องกัน การใช้อุปกรณ์ที่ปลอดภัย และรักษาสุขอนามัย รวมถึงเทคนิคการทำผม
  • ทำบททดสอบในแต่ละบทเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
  • รับมอบประกาศนียบัตรและถุงอุปกรณ์ช่างผมอุ่นใจ ร้านละ 1 ชุด/คน ได้แก่ อุปกรณ์ช่างผมอุ่นใจ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องอบฆ่าเชื้อ UV Sterilizer อุปกรณ์ทำผม, เครื่องวัดอุณหภูมิ, หน้ากากผ้า, เจลแอลกอฮอล์, หน้ากาก face shield, ถุงมือ และ ถุงผ้าช่างผมอุ่นใจ

การเข้าร่วมโครงการจะแบ่งออกเป็น 3 รุ่น ดังนี้

รุ่นที่ 1 รับสมัครจำนวน 100 คน/ร้านค้า (จากทั่วประเทศ) ผู้สมัครจะต้องเข้ารับการอบรมหลักสูตรช่างผมอุ่นใจกับอาจารย์ด้านช่างผมและเสริมสวย ในวันที่ 13 สิงหาคม 2563 ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยจะมีพิธีมอบเกียรติบัตร พร้อมถุงช่างผมอุ่นใจ

2 12

รุ่นที่ 2 รับสมัครจำนวน 680 คน/ร้าน (จากกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต นนทบุรี ยะลา และสมุทรปราการ) ผู้สมัครต้องเรียนรู้และทดสอบด้วยตนเองผ่านทางออนไลน์

รุ่นที่ 3 รับสมัครจำนวน 220 คน/ร้าน (จากทุกจังหวัด ยกเว้น 5 จังหวัดในกลุ่มที่ 2) ผู้สมัครต้องเรียนรู้และทดสอบ ด้วยตนเองผ่านทางออนไลน์

ผู้สนใจสมัครผ่านช่องทาง https://drive.google.com/drive/mobile/folders/1ECP0wgay6Vh3HyXpyhTDdwCvY-Qk2wxp?usp=sharing หรือแฟนเพจ facebook กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว https://www.facebook.com/367383946683881/posts/3096982927057289/?d=n ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2563 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-6425055-6

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo